SECRET OF JUSTICE รัฐคลั่ง คนอำมหิต
เมฆเด็กหนุ่มธรรมดา ครอบครัวของเขาถูกลากเข้าไปเกี่ยวข้องกับแผนการครอบครองอำนาจ เขาจึงต้องสร้างตัวตนใหม่เพื่อแก้ไขเรื่องราวที่เกิดขึ้น
ผู้เข้าชมรวม
922
ผู้เข้าชมเดือนนี้
17
ผู้เข้าชมรวม
มีการบรรยายฉากกิจกรรมทางเพศ, มีการบรรยายเนื้อหาที่เกี่ยวกับความรุนแรงสูง, มีเนื้อหาที่เครียดหรือหดหู่มาก ซึ่งอาจกระทบต่อภาวะทางจิตใจ
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
นิยายเรื่องนี้เป็นเพียงเรื่องแต่งไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบุคคลและหน่วยงานจริง และจัดทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
บท โศกนาฏกรรมปี 49
ตอนที่ 0 ไม้ขีดไฟในป่าใหญ่
กริ๊งๆ กริ๊งๆ กริ๊งๆ เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นพร้อมแสงแดดยามเช้าที่ส่องผ่านช่องว่างของผ้าม่าน เด็กหนุ่มค่อยๆเอื้อมมือไปปิดนาฬิกาปลุก ขณะที่เขาพยายามลุกจากเตียงอย่างเกียจคร้านในขณะที่ดวงตาของเขายังปิดสนิทอยู่ เด็กหนุ่มค่อยๆบิดขี้เกียจก่อนจะค่อยลากตัวเองเข้าห้องนํ้า เพื่อทำธุระส่วนตัวและอาบนํ้า
เด็กหนุ่มผมสีดำในตาสีนํ้าตาลเข้ม อายุ 15 ปี ค่อยๆสวมชุดนักเรียน เสื้อเชิดแขนสั้นสีขาว และ กางเกงขาสั้นสีดำ ที่เตรียมไว้ตั้งแต่ตอนกลางคืน เขาเปิดดูกระเป๋าเป้นักเรียนก่อนดูตรวจ ว่าตัวเองจะไม่ลืมเกมการ์ดที่เขาจะเตรียมไปเล่นกับเพื่อนๆของเขาช่วงหลังเลิกเรียนเสมอ เด็กหนุ่มสะพายกระเป๋าด้วยไหล่ขวาข้างเดียวก่อนจะเดินออกจากห้องนอนของเขาที่อยู่ชั้นสองลงมาห้องครัวชั้นล่าง
เขาเดินลงบันได หน้าห้องครัวมีชั้นวางของสูงระดับเอว เต็มไปด้วยรูปถ่ายครอบครัวใส่กรอบรูปต่าง ๆ ทั้งพลาสติก ไม้ และ เหล็ก เขาค่อยเดินเข้าไปในห้องครัวก่อนจะพบกับโต๊ะที่มีเมนู ไข่ดาวระเบิด หรือ ไข่ดาวทรงเครื่อง และ หมูทอดกระเทียม พร้อมกับเสียงรายงานข่าวประจำวันจากโทรทัศน์ที่เปิดทิ้งไว้
" เมฆ ตื่นแล้วหรอ แม่ทำกับข้าวไว้แล้วนะลูกทานเลย เดียวแม่ไปอาบนํ้าก่อน วันนี้เดียวแม่ไปส่ง "
" อ่าครับ แล้วพ่อละแม่ "
" พ่อไปแต่เช้าแล้ว น่าจะมีงานด่วนเข้าละมั้ง ถ้าพี่สาวแกลงมาแล้วก็บอก ให้ฝนมันทานข้าวด้วยละ แม่ไปอาบนํ้าก่อนนะ "
ผู้หญิงวัยกลางคนผมสีดำนํ้าตาล ดวงตาสีนํ้าตาลเข้ม เธอมีชื่อว่า นํ้า เธอรีบถอดผ้ากันเปื้อนก่อนเดินออกจากห้องครัวเดินไปฝั่งตรงข้ามก่อนไปทางขวามือเพื่อเข้าห้องส่วนตัวไปอาบนํ้าแล้วเปลี่ยนเสื้อผ้า เมฆ ค่อยเดินไปตักข้าวจากหม้อหุงข้าวใส่จานก่อนเดินมานั่งที่โต๊ะ แล้วเริ่มตักอาหารใส่จานตัวเอง
" เมฆ พ่อกับแม่อะ " ฝนทักขึ้นมาเมื่อเจอน้องตัวเอง
" พ่อไปทำงานละ วันนี้แม่ไปส่งแต่ไปอาบนำ้อยู่ "
เด็กสาวมัธยมปลาย อายุ 18 ปี ผมยาวสีดำนํ้าตาล ดวงตาสีเทาอ่อน พยักหน้าก่อนจะเดินเอากระเป๋าว่างบนเก้าอี้ แล้วเดินไปหยิบจานมาตักข้าว
" แล้วเย็นนี้พี่จะไปเรียน cello อีกไหม "
" ว่าจะไปแต่เดียวดูก่อนว่ามีใครจะไปส่งไหม ทำไมสนใจอยากไปเรียนcelloด้วยหรอ "
" ไม่อะ ถ้าจะฝึกเล่นทั้งที เล่นกีต้าไม่ก็ไวโอลินไม่ดีกว่ารึไง "
" เหอะ ไอ้น้องชายนายจะเข้าใจอะไร เสียงกีต้าร์มันสดใสเกินไป ส่วนไวโอลินเสียงมันก็เศร้าเกินไป ต้องcello สิทั้งอบอุ่นแต่ก็แฝงความเศร้าเอาไว้ต้องนี้สิถึงเป็นเครื่องดนตรีที่ฉันเลือก "
" อะจ๊ะ เต็มที่เลย ผมไปเล่นเกมการ์ดกับเพื่อนรอแล้วกัน "
" แบบนั้นจีบสาวไม่ติดหรอกนะ เอาเถอะอย่างน้อยถ้าหน้าตานายก็พอจะดูได้สักครึ่งหนึ่งของฉันก็คงไม่มีปัญหาหรอก ฮ่า ฮ่า "
เมฆได้แต่ถอนหายใจ ก่อนจะตักอาหารเขาปากอย่างไม่แยแส เขาไม่ได้สนใจเรื่องพวกนั้น เอาจริงๆแม้แต่เรื่องการเรียนเขาก็ไม่สนมันมากนั้น ต่อให้การสอบของเขามันผ่านแบบคาบเส้น สำหรับเขาผ่านก็คือผ่านไม่ได้มีอะไรมากกว่านั้น แต่ต่างจากพี่สาวของเขาที่โดดเด่นทั้งเรื่องการเรียน หน้าตา กีฬา และ ดนตรี โดยเฉพาะด้านดนตรีพี่เริ่มเล่น cello ได้เพียงแค่สามเดือน พ่อก็สามารถพาไปแสดงในงานเลี้ยงหัวหน้าของพ่อที่ได้เลื่อนตำแหน่งเมื่อปีก่อนได้ ตอนนี้ก็ฝึกซ้อมเตรียมไปลงประกวดงานแข่ง ถึงมันจะเป็นงานแข่งเล็กๆแบบเพาะกลุ่มก็เถอะ
ระหว่างที่ทั้งสองกำลังทานอาหารอยู่นั้นเสียงรายงานข่าวจากวิทยุที่แม่เปิดทิ้งไว้ก็เริ่มรายงานข่าว " ครับต่อไปเป็นข่าวที่เป็นกระแสจากเมื่อคืน ไฮโซขับรถสปอร์ตขับชนคนเสียชีวิตตายคาที ก่อนขับรถหลบหนี คุณศักดิ์สวรรค์ หรือ คุณ ฤทธิ์ ผู้ต้องสงสัยเข้ามอบตัวที่สถานีตำรวจราชนคร ช่วงเวลา 6 นาฬิกาของเช้าวันนี้ ในขณะนี้ทางตำรวจยังไม่มีการให้สัมภาษณ์หากมีความคืบหน้าทางเราจะรายงานให้ท่านผู้ฟังทราบเป็นระยะๆ "
" พี่คิดว่าจะรอดคดีไหม "
" ไม่แน่ สื่อให้ความสนใจแบบนี้ เผยๆบางทีตำรวจยศใหญ่ๆอาจลงมาดูคดีนี้ด้วยตัวเองก็ได้ "
" ต้องขนาดนั้นเลยหรอ หลักฐานก็มีถ้าเป็นคนอื่น น่าจะโดนปิดคดีไปแล้ว ไม่ออกข่าวด้วยซ้ำมั้ง "
" ก็เพราะเป็นเขาไง ลูกเจ้าของธุรกิจห้างใหญ่แบบนั้น คดีไม่จบง่ายๆหรอก "
" แม่เสร็จแล้ว เราพร้อมไปกันรึยัง " เสียงคุณแม่ตะโกนมาจากทางเดิน
" ครับ ค่า " ทั้งสองคนรีบตะโกนกลับก่อนจะรีบกินข้าวที่อยู่ในจานให้หมดแล้วนำจานไปวางไว้ในอ่างล้างจาน ก่อนจะไปหยิบกระเป๋าแล้วเดินไปรอหน้าบ้าน ทั้งสองคนนั้นอยู่คนละโรงเรียน โรงเรียนของฝนอยู่ใกล้บ้านมากที่สุด พ่อและแม่เลยมักจะไปส่งฝนก่อนจะเลยไปส่งเมฆทีหลัง
ณ สถานีตำรวจ ราชนคร เวลา 8 นาฬิกา
ติ๊ก ต๊อก ติ๊ก ต๊อก เสียงเข็มนาฬิกาดังอยู่ในห้องที่เงียบสงัด ชายหนุ่มอายุประมาณ 25 ปี ทรงผม Pompadour ตัดไถข้าง เซ็ตผมหน้าปัดไปทางด้านหลัง สวมแว่นสีดำทรงกลม เสื้อเชิ้ตสีขาว พร้อมสูทและกางเกงขายาวสีฟ้า นั่งไขว่ห้างและกอดอกอยู่ในห้องคนเดียว ตรงข้ามเขามีโต๊ะที่เต็มไปด้วยเอกสาร พร้อมป้ายชื่อ ผบก.(ผู้บังคับการ) เกียรติศักย์ กนกรดา ก๊อกๆ แอ๊ด เสียงเคาะประตูและเสียงประตูที่เปิดตามมาในเวลาไล่เลี่ยกัน
" ขอโทษที่ให้รอครับ คุณ ฤทธิ์ ผมเป็นหัวหน้าทีมทนายความของคุณชื่อ ทนาย ธนันกรกานต์ ปัญญา เรียกผมว่า ทนายสรก็ได้ครับ ตอนนี้ผมทำการประกันตัวคุณเรียบร้อยแล้ว คุณสามารถกลับได้แล้วครับ "
ชายอายุประมาณ 30 ปี เซ็ตผมเรียบปัดข้าง สวมแว่นสายตาทรงกลม เขาใส่สูทและกางเกงสีเทาเข้ม เสื้อเชิ้ตด้านในสีฟ้าอ่อน ผูกเนคไท สีนํ้าเงินเข้ม เดินเข้าประตูมาพร้อมแนะนำตัวเอง
" คุณเป็นคนของพ่อหรือแม่ผม "
" เป็นคนของคุณพ่อคุณครับ "
" ผบก.คนนี้ดูแลผมได้ดี ถึงมันจะน่าเบื่อไปหน่อย ช่วยบอกเรื่องนี้ให้พ่อผมด้วยนะ พ่อผมรู้นี้ว่าควรตอบแทนคนแบบนี้ยังไง "
" ได้ครับ "
ฤทธิ์ ลุกจากเก้าอี้ก่อนจะเดินไปตบไหล่ทนายสร เบาๆ ก่อนจะค่อยเดินผ่านทนายสรออกจากห้องไป ทันทีที่ก้าวออกมาจากห้องนั้นเสียงดังเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นมาทันที
" ผู้บังคับการ ถ้ารีบปิดคดีแบบนี้ ฝั่งผู้เคราะห์ร้ายไม่มีโอกาสขอสู้คดีเลยนะครับ แค่เวลายื่นเรื่องขอทนายยังไม่มีเลย" เสียงจากนายตำรวจคนหนึ่งดังขึ้น
" หลังฐานมันก็ชัดเจนพอแล้ว แถมสื่อก็ให้ความสนใจในคดีนี้ นายทำงานมาหลายปีแล้ว ยังไม่รู้อีกหรอ ว่าคดีนี้มันสำคัญแค่ไหน "
" ก็เพราะสื่อสนใจไงครับ เราถึงไม่ควรทำคดีแบบนี้ ถ้าพวกนักข่าวพวกนั้นจะไม่หาว่าเราทำคดี แบบชุ่ยๆ กันรึไง "
" ทำตามที่ผมสั่ง อย่าให้ผมรู้หรือได้ยินจากใครนะว่าคุณจะมายุ่งกับคดีนี้ เราไม่มีเรื่องต้องคุยก็แล้วออกไปซะ "
ตำรวจนายนั้นเดินออกมาจากผู้บังคับการ ก่อนออกมาเจอกับ ฤทธิ์ ทั้งคู่ยืนจ้องกันพักนึงก่อนที่ฤทธิ์จะหยิบนามบัตรของเขาใส่กระเป๋าเสื้อของนายตำรวจคนนั้น จากนั้นเขาก็ยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนจะเริ่มพูด
" หึ ผมชอบคนแบบคุณนะ คุณชื่อ กับ ยศอะไรหรอ " ฤทธิ์ยังไม่ทิ้งท่าทีสบายๆของเขาตอนนี้เขาไม่ต่างจากกำลังเดินเล่นอยู่ที่บ้านของเขา
" ตะวัน สารวัตรตะวัน "
" สารวัตร ผมว่าผมเป็นคนที่มองคนเก่งออกนะ และรู้ว่าคุณเป็นคนมีความสามารถ แต่เรื่องแบบนี้มันก็พอพูดคุยกันได้...ใช่ไหม เราไม่เหมือนกับสัตว์ไม่จำเป็นต้องหันเขี้ยวใส่กัน เอาละไว้ผมจะลองสายจากคุณนะ สารวัตร "
ฤทธิ์ ตบไหล่สารวัตรตะวันเบาๆ ก่อนจะเดินผ่านไปหาผู้บังคับการ และเริ่มคุยกับทนายของเขาอีกครั้ง
" คดีนี้ผมควรทำยังไงต่อ คุณทนาย "
" ไม่ต้องห่วงครับ เรื่องนี้ถ้าปิดข่าวไปเรื่อย ๆแล้วไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น เรื่องนี้อาจไปไม่ถึงศาลครับ เดียวคนก็ลืมกันไปเอง หรือ ต่อให้ถึงศาลก็สามารถยื้อเวลาจนคดีหมดอายุความได้ครับ "
" นานเกินไป เดียวผมต้องไปทำสัญญากับธุรกิจที่ต่างประเทศ อีก2เดือนข้างหน้าผมไม่อยากหุ้นของบริษัทผมตกมากเกินไปตอนเซ็นสัญญา "
" คุณ ฤทธิ์ สามารถให้สื่อเล่นข่าวอื่นได้ครับ ปั่นกระแสสักหน่อย ถ้าให้ดีควรให้เล่นข่าวเดียวกันครับ แต่อาจต้องมีค่าใช้จ่ายสักหน่อย "
" เดียวผมจัดการเรื่องนั้นเอง แต่บางทีอาจไม่ต้องก็ได้ในอีกสองสัปดาห์ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามแผน นักข่าวคงไม่ว่างมาเล่นข่าวเรื่องของฉันแล้ว "
ก่อนถึงหน้าประตูทนายสรใช้มือขวาง ฤทธิ์ ให้หยุดเดินก่อนจะจัดเนคไทของฤทธิ์ให้หลวมๆและเบี้ยว ปลดกระดุมเสื้อสูทออก และ ดึงชายเสื้อออกนอกกางเกงหนึ่งข้างออกเล็กน้อย ทำเสื้อเชิ้ตให้ยับเล็กน้อย
" ต้องขอโทษด้วยนะครับ ภาพแรกตอนออกข่าวไม่ควรดูดีจนเกินไปเพราะอาจโดนมองว่าได้รับการปฎิบัติเป็นพิเศษ อาจไม่ส่งผลต่อคดี แต่มันอาจส่งผลภาพลักษณ์ในข่าว เราควรป้องกันการจับผิดจากสาธารณชนไว้ก่อน และ ถ้าให้ดีผมว่าช่วงนี้ควรไปพักอยู่ที่โรงแรมก่อนดีกว่าครับ " ฤทธิ์ ไม่พูดอะไรเขาปลดกระดุมแขนเสื้อออกบางเม็ด และ ขยี้ผมตัวเองเล็กน้อยให้เสียทรงนิดหน่อย ก่อนจะเดินออกไปทางประตูเดินหน้าอย่างผ่าเผย
" ออกมาแล้ว ออกมาแล้ว!!! " เสียงเอะอะ อึกทึก ผสมเสียงรัวชัตเตอร์ ดังขึ้นทันทีเมื่อ ฤทธิ์ เปิดประตูก้าวออกมาจากโรงพักพร้อมทนายตามประกบอีก 4 คน และ มีตำรวจคอยล้อมกันไม่ให้นักข่าวเข้าใกล้
" คุณ ฤทธิ์ คะ จากเหตุการณ์ขับรถชนคนตาย มีความคิดเห็นทางคดีว่าไงคะ "
" คุณ ฤทธิ์ คะ ตกลงคุณเป็นคนขับรถ ในวันที่เกิดเหตุใช่ไหมคะ "
" คู่กรณีเรียกร้องค่าเสียหายยังไงบ้างครับ "
ทันทีที่นักข่าวจะรัวคำถามเข้าถาโถม หนึ่งในทนายก็ก้าวขึ้นมาด้านหน้าก่อนจะตอบคำถาม
" คุณ ฤทธิ์ ยังไม่สะดวกในการให้สัมภาษณ์ เนื่องจากผลกระทบทางจิตใจ และอาจส่งผลต่อการพิจารณาคดี ผมทนายสร เป็นผู้รับผิดชอบคดีของคุณฤทธิ์ ผมจะตอบคำถามทั้งหมดพร้อมกับ ผู้บังคับการ (ผบก.) แต่เราขอให้ คุณ ฤทธิ์ ที่พึ่งได้รับการประกันตัวได้กับไปพักก่อนนะครับ " ทันทีที่พูดจบตำรวจและทนายช่วยกัน กันนักข่าวพา ฤทธิ์ ไปขึ้นรถเบนซ์สีดำก่อนจะขับออกไปจากสถานี
เมื่อรถเบนซ์สีดำขับออกจากสถานีตำรวจ นักข่าวก็มุ่งความสนใจไปหาทนายสร กับ ผู้บังคับการ ทันทีในระหว่างนั้น ชายวัยกลางคนอายุ 40 ปีหนวดเคราเข้ม ไว้ผมทรง Man Bun ไถข้างรวบผมไปข้างหลัง ก่อนมัดจุกบริเวณครึ่งศีรษะ ใส่เสื้อยืดสีขาวทับด้วยเสื้อยีนแขนยาว และ กางเกงยีนขายาว เขายืนอยู่หลังฝูงชน ก่อนมองไปที่ตำรวจนายหนึ่งที่ยืนอยู่หลังสุด ก่อนที่ทั้งสองคนจะผงกหัวขึ้นเพื่อเป็นสัญญาณให้แก่กัน ก่อนที่ตำรวจนายนั้นจะเดินเข้าไปในโรงพัก ชายหนุ่มวัยกลางคนเริ่มค่อยเดินถอยห่างจากฝูงชนแล้วค่อยๆเดินอ้อมไปประตูด้านหลังโรงพัก ก่อนจะเคาะประตู ก๊อกๆ ประตูจะเปิดออกมาพร้อมดาบตำรวจนายหนึ่ง
" พี่แสง พี่มาอะไรวันนี้ งานโคตรยุ่งเลย " ดาบตำรวจนายหนึ่งเปิดประตูพร้อมกับบ่นใส่แสง
" พี่มาหาไอ้ตะวัน มันอยู่ไหมโชค " แสงตอบ
" ผู้กำกับหรอ พี่เข้ามาเลย ผู้กำกับเขาอยู่โต๊ะเขานั้นแหละ "
แสงค่อยเดินเข้าประตูไป ก่อนตำรวจนายนั้นจะปิดประตู แสงเขาคุ้นชินกับที่นี้ เขาเดินตรงไปหาโต๊ะน้องชายเขา
" ตะวันพี่มาละ "
สารวัตรตำรวจอายุ 35 ปี เงยหน้าขึ้นตามเสียงเรียก
" รอแปปพี่เดียวผมเปลี่ยนเสื้อนอกก่อน "
ตะวันเปลี่ยนเสื้อชุดตำรวจออกแล้วเหลือเสื้อยืดตำรวจด้านใน ก่อนสวมเสื้อกันหนาวทับ และ ห้อยตราตำรวจไว้ทีคอแต่เก็บไว้ด้านในเสื้อ
" เราออกด้านหลังกันเถอะด้านหน้าติดนักข่าวอยู่ ดาบ มีใครถามหาผมบอกผมไปกินข้าวกับพี่นะ "
ตะวันหยิบกระเป๋าสะพายไหล่มาหนึ่งใบ ก่อนมาทั้งคู่เดินออกประตูหลังพร้อมกัน ก่อนเดินไปขึ้นรถกระบะของแสง
" เองเรียกพี่มาทำไมหรอ ตะวัน "
ตะวันค่อยหยิบซองเอกสารสีนํ้าตาลอันหนึ่งออกมา ก่อนจะหยิบเอกสารในนั้นออกมาวางไว้ระหว่างเขากับพี่
" พี่รู้เรื่องคดีขับรถชนคนตายวันนี้ไหม "
" ไม่รู้มากเท่าไหร่ แต่เห็นตอนเดินออกมาทางประตูหน้า "
" ผมได้ข่าวตอนตีสี่ เลยรีบไปดูกล้องวงจรปิด ก่อนรู้ว่ารถออกออกมาจากโรงแรมเอเดนประมาณ 22.00 น. " ตะวันโชว์รูปจากกล้องวงจรปิด ในรูปเห็นเป็นรถสปอร์ตสีแดง
" ได้บันทึกวิดีโอไว้ไหม "
" อยู่ในม้วนวิดีโอ "
" หัวหน้าเองรู้ไหมว่าเองตามสืบคดีนี้อยู่ "
แสงถามหยั่งเชิงตะวัน แต่ตะวันได้แต่นิ่งเงียบไม่ยอมตอบ
" ไม่รู้แหง่ๆ ไม่สิน่าจะไม่อยากให้แกสืบมากกว่า " แสงพูด
จริงๆแล้วแสงพอจะรู้สถานการณ์ของน้องชายของเขาดีตั้งแต่ที่ตะวันโทรหาเขาแล้ว ที่ให้ไปที่สถานีก็คงเพื่อเป็นข้ออ้างที่จะได้ออกมาแอบสืบคดีได้ แต่เขาก็อดเป็นห่วงน้องชายของเขาไม่ได้
" เราสืบกันเงียบๆก็ได้ ได้อะไรมาค่อยว่ากันอีกที "
" หัวหน้าเอง ไม่ได้อยากให้เองทำคดีนี้ แถมคดีนี้โดนกักตัวแค่ 2ชม. "
" ฮึ ได้อยู่ในห้องของผู้บงคับการด้วยนะ "
" แล้วเองยังจะทำคดีนี้อีกหรอ เองไม่เหมือนพี่นะเองมีไอ้นํ้าเมียเอง ไหนจะไอ้เมฆกับไอ้ฝนอีก " แสงพยายามปรามน้องของเขา เขาไม่ให้ต้องการให้น้องของเขาต้องมาจบชีวิตในอาชีพการงานเหมือนกับตัวเขา
" ผมกลัวว่าจะเจออะไรมากกว่านั้น แถมผมปิดคดีแบบนี้ไม่ได้ " เขาทั้งคู่นิ่งเงียบกันครู่หนึ่งตะวันเข้าใจความหมายที่พี่เตือนเขาดี เขาทำงานมาสิบกว่าปี เรื่องแบบนี้ไม่ใช่ว่าไม่เคยเกิดขึ้นกับเขา แล้วเขาก็รู้ดีว่าปลายทางของเรื่องนี้อาจจบลงไม่ได้สวยนัก
" ผมอยากให้พี่ไปส่งที่โรงแรมเอเดน ผมคิดเขาพวกนั้นยังไม่น่าจะมีเวลาพอไปจัดการกล้องกับพยานที่โรงแรม " ตะวันพูดขึ้นอีกครั้ง " พวกนั้นน่าจะยุ่งอยู่กับการทำลายหลักฐานที่รถ ไม่ก็อาจทำลายรถทิ้งไปเลย พี่ไปสืบเรื่องรถให้หน่อยได้ไหม "
" รถรุ่นอะไร " แสงถาม
" HD NSX " ตะวันตอบ
" เฮ้อ ขากลับเดินกลับเองละกัน " แสงบ่นออกมาอย่างเหนื่อยใจ
ตะวันยิ้มอย่างเบาใจ ก่อนที่แสงจะพาตะวันไปส่งที่โรงแรมเอเดน
โรงแรมเอเดน เวลา 8.00 น.
ตะวันเดินเขาไปในโรงแรม ที่นี้มีขนาดที่ใหญ่มาก นอกจากจะเป็นโรงแรมระดับ 4 ดาวแล้ว ที่นี้มักจะมีการจัดประชุมและกิจรรมในวาระสำคัญต่าง ๆเรียกได้ว่าเป็นโรงแรมอันดับหนึ่งประจำเมือง อีกทั้งยังมีคาสิโนและกิจกรรมผิดกฎหมายอีกเพียบ แต่เพราะมีเส้นสายกับนักการเมืองและตำรวจระดับสูงเลยไม่มีใครเตะต้องอะไรได้ พนักงานโรงแรมคนหนึ่งเดินเข้ามาหาตะวันอย่างนอบน้อม " ให้ช่วยอะไรไหมค่ะคุณลูกค้า "
ตะวันโชว์ตราตำรวจให้พนักงานคนนั้นดู ก่อนบอกพนักงานคนนั้นว่าเขาต้องการพบผู้จัดการ พนักงานคนนั้นตกใจเล็กน้อยและบอกกับตะวันให้รอสักครู่ก่อนจะเดินหายไป ใช้เวลาไม่นานนักชายหนุ่มรูปร่างดี สะดาดสะอ้าน ดวงตาเรียวเล็ก เดินเข้ามาหาตะวันพร้อมกับใบหน้าที่ยิ้มอยู่ตลอดเวลา พร้อมกับสายหูฟังที่ติดกับวิทยุสื่อสารอยู่ทางใบหูด้านขวา
" ผมเป็นผู้จัดการครับ ไม่ทราบว่าคุณตำรวจ ให้เกียรติมาเยี่ยมที่นี้มีเหตุผลอะไรเป็นพิเศษรึเปล่าครับ "
" ผมอยากของดูภาพจากกล้องวงจรปิดนะครับ " ตะวันตอบกลับ
" ต้องขอโทษด้วยครับ ทางเราไม่สามารถให้ดูได้หรอกนะครับ นอกจากคุณจะพกหมายศาลมาด้วย "
" 55 คุณผู้จัดการนี้ตลกจังเลยนะครับ พอดีกล้องที่ผมอยากดูศาลคงไม่ชอบถ้ารู้ว่ากล้องนั้นมันอยู่ส่วนไหนของโรงแรม "
" ผมว่าทางเราไม่มีที่แบบนั้นหรอกครับคุณตำรวจ ผมคิดว่าคุณตำรวจคงมาผิดที่แล้วละครับ "
" คุณผู้จัดการครับ คุณก็คงไม่อยากให้แขกของคุณต้องตกใจใช่ไหมครับ เราพบกันครึ่งทางได้ผมไม่ต้องใช่หมายศาล แขกของคุณก็ไม่ต้องตกใจ "
" 55 แบบนั้นก็แย่สิครับ แต่ผมคิดว่าผู้บังคับการ คงไม่เห็นด้วยกับคุณเท่าไหร่นัก คุณจะไม่ได้ดูกล้อง ไม่สิหมายศาลก็ไม่น่าจะได้ "
" ไม่หรอกครับ ผู้บังคับการต้องเห็นด้วยกับผมแน่ พอดีผมทำงานให้คนคนเดียวกันนะครับ "
ตะวันพูดอย่างใจเย็นก่อนจะหยิบนามบัตรของ ฤทธิ์ ยื่นให้ผู้จัดการดู ก่อนจะพูดต่อ
" คุณคงได้ข่าวของเจ้านายผม เมื่อเช้านี้แล้ว ไม่ต้องตกใจเขาส่งผมมาเช็กของเท่านั้น ส่วนมันจะทำกำไรให้คุณได้มากแค่ไหน ก็ขึ้นอยู่กับตอนที่คุณเสนอราคาเท่าไหร่ แต่ผมต้องดูของก่อน "
" คุณตำรวจ ถ้าเราจะทำธุรกิจกัน ก็ควรไปคุยกันในห้องรับแขกจริงไหมครับ ผมจะนำทางให้คุณเอง " ผู้จัดการหนุ่มพายมือก่อนจะเริ่มเดินนำทาง
ตะวันหายใจออกฟอดใหญ่ เขาเองก็ไม่ได้มันใจนักว่าเรื่องที่เขาพูดจะทำให้ผู้จัดการหนุ่มคนนี้เชื่อได้ แต่ผู้จัดการคนนี้ก็ไม่มีเหตุผลให้ปฎิเสธเข้าในตอนนี้ เขาต้องเดินในไปในถิ่นของอีกฝ่าย ผู้จัดการรู้ดีว่าเข้าไปมันง่ายกว่าตอนออกมาอยู่แล้ว แต่สิ่งที่ทำให้ตะวันรู้สึกกังวลก็คืนท่าทีสบายๆของผู้จัดการคนนี้ ตอนคุยเมื่อกี้ไม่มีสีหน้าของความกังวล หรือ ความตกใจเลย แม้แต่เหงื่อสักเม็ดก็ไม่ไหล
ณ ตึกแถวแห่งหนึ่ง เวลา 09.00 น.
" ไอ้ชาติ เปิดประตูให้กูหน่อย "
ประตูค่อยเปิดออกมาตามผู้ชายวัยกลางคน หนวดเครารุนรัง สภาพไม่ได้อาบนํ้าเดินออกมา
" ไอ้แสง อย่าส่งเสียงดังดิ เข้ามาก่อน " แสงเดินตามเข้าไปในตึก
" หัดอาบนํ้าบ้างนะเอง "
" งานฉันมันตอนกลางคืน มาหาตั้งแต่เที่ยงวันแบบนี้ แล้วยังจะมาบ่นอีก "
" แล้วเรื่องที่ให้ไปหาข่าวมาละ "
" รอแปปหนึ่งเดียว ทไวท์ ก็มาส่งข่าวให้ "
" ไอ้หนูนั้นยังทำงานเป็นสายข่าวให้แกอยู่หรอเนี่ย "
" ก็ไม่เชิงจะเรียกว่าไม่ได้ทำให้ฉันแค่คนเดียวจะถูกกว่า เดียวนี้ทไวท์มันเป็นคนกลางคอยมารับงานไปแจกจ่ายให้คนในกลุ่มของมัน "
" 55 เดียวนี้มีคนคบกับมันแล้วหรอ "
" 55 ฉันก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน "
หลังจากจบการสนทนาได้ไม่นาน ก็มีเสียงเปิดประตูเข้ามาภายในตึกแถว พร้อมกับชายหนุ่มวัย 20 ปีผิวสีเข้ม ผมทรง shot ware ผมยาวหยักศกเล็กน้อย ผิวสีแทน เขาสวมเสื้อยืดสีขาว ทับด้วยเสื้อเชิ้ตลายสก๊อตสีดำแดง
" ลุงแสง ลุงชาติ ผมได้ข่าวมาแล้ว " ทไวท์ตะโกนเรียก
" ได้เรื่องว่าไงบ้าง " แสงถามกลับ
" ในเมืองนี้มีร้านที่พอรับซ่อมรถสปอร์ตรุ่น HD NSX นี้ได้มีแค่ 2 ร้าน " ทไวท์พูด
" ทั้ง 2 ร้านนี้เป็นร้านถูกกฎหมาย ฉันว่าเราน่าจะไปหาในเมืองข้างเรามากกว่านะ " ชาติพูด
" ถ้าเป็นแบบนั้น ผมคงต้องใช้เวลามากกว่านี้ เมืองที่ติดกับเรามีทั้งหมด 3 เมือง แล้วไม่ได้มีคนของผมในเมืองพวกนั้นด้วย " ทไวท์พูด
" ไม่จำเป็นหรอก เมืองเราเป็นเมืองที่มีภูเขาล้อมรอบเมืองถึงจะบอกว่าเป็นเมืองที่อยู่ใกล้กับเราก็ต้องใช้เวลาเคลื่อนย้ายตํ่าๆก็ 2-3 ชั่วโมง อีกอย่างคดีนี้ไม่ได้ต้องการทำลายหลักฐานว่าไม่เคยเกิดการชน แต่เป็นการทำลายหลักฐานว่าใครเป็นขับต่างหาก " แสงพูด
" แล้วถ้าแบบนั้นนายจะให้เราไปหาร้านพวกนี้มาทำไหม ไม่ใช่ว่าร้านอะไรก็ทำลายหลักฐานพวกนั้นได้ไม่ใช่หรอก " ชาติพูด
" นั้นสิครับ บางทีเขาอาจใช้ลูกน้องของเขาเก็บวาดเองได้ด้วยซํ้า " ทไวท์ถาม
" ไม่หรอก ลองคิดดูว่าถ้านายมีเงินมีอำนาจขนาดนั้น ถ้าเกิดเหตุแบบนี้ขึ้นสิ่งแรกที่เราจะทำคือทำลายหลักฐานการชน เพียงแต่ด้วยเหตุผลบางอย่างทำให้คดีนี้เกิดมีกระแสในสื่อ เลยทำให้ไม่สามารถทำลายหลักฐานการเกิดเหตุได้ " แสงพูด
" แบบนี้นี่เอง หมายความว่ารถยังต้องเก็บไว้อยู่ในร้านที่สามารถซ่อมมันได้ แต่เพราะเกิดกระแสในข่าวเลยต้องเปลี่ยนจากซ่อมรถ เป็นทำลายหลักฐานว่าใครเป็นคนขับแทน " ชาติพูดเสริม
" ผมยังไม่เข้าใจอยู่ดี " ทไวท์พูดพร้อมกับสีหน้าที่แสดงออกอย่างชัดเจน
" เหตุการนี้เกิดเหตุช่วง 22.00 น. วานเมื่อนี้ มีข่าวตอน 6 .00 น. ของวันนี้ แต่จากข้อมูลของน้องชายแก่ให้มาได้ข่าวในช่วงเวลา 4.00 น.ของวันนี้ ฉะนั้นเหตุการณ์ที่ขึ้นจนถึงการเตรียมการเข้ามอบตัวมีเวลาทั้งหมดแค่ 6 ชม. " ชาติพูด
" ลองมาคิดกันดูเล่นนะเมืองเราห่างจากเมืองใกล้ๆ 2-3 ชั่วโมงแสดงว่า ไปกลับอย่างเร็วที่สุดก็ต้องใช่เวลา 4 ชม. มีเวลาการทำลายหลักฐาน 2 ชม. แต่จากเหตุการณ์ในปัจจุบันแสดงให้เห็นได้ว่ามีเหตุผลบางอย่างที่ทำให้ไม่สามารถทำลายหลักฐานในช่วงเวลานั้นได้ " แสงพูด
" ลุงแต่ถ้าแบบั้นเรียกช่างมาซ่อมในเมืองหรือใช้ร้านในเมืองมาซ่อม.. " ทไวท์พูดก่อนจะหยุดเหมือนนึกขึ้นได้ เขาเข้าใจแล้วว่าทำไหมลุงแสงถึงบอกให้เขาไปหาร้านที่ซ่อมในเมืองนี้ แทนที่จะสั่งให้ไปหาข่าวในเมืองใกล้ๆ ต่อให้ไม่ใช่เพราะเหตุผลที่ฟังมาแต่ถ้าคิดแบบเบื้องต้นการเริ่มต้นสืบคดีแบบนี้ก็ควรเริ่มจากการสืบหาจากร้านที่สามารถซ่อมรถแบบนี้เหมือนกัน
" เรื่องนี้มีสาเหตุบางอย่างที่ทำให้สื่อสามารถรู้เรื่องคดีนี้เร็วมาก แถมมีสื่อที่รับรู้เรื่องนี้จำนวนมากจนไม่สามารถปิดข่าวได้ แต่ตอนนี้เรายังไม่ต้องสนใจในเรื่องนี้เรามีร้านอยู่ 2 ร้านมีสามารถซ่อมรถสปอร์ต " แสงพูด
" แล้วเราจะทำยังไงต่อ หรือ ต้องหาจากทั้งสองร้านเลย " ชาติถาม
" ในตอนนี้ยังไม่มีข่าวว่าเจอรถที่ก่อเหตุ หมายความว่าร้านต้องเอาไปซ่อนไว้ที่ไหนสักแห่ง " ทไวท์พูด
" ใช่ ถึงจะไม่รู้ว่ามันเก็บรถไว้ที่ไหนแต่ไม่ใช่ไม่มีวิธี " แสงพูดก่อนจะยิ้ม ราวกับมีความคิดชั่วร้ายที่ก่อตัวขึ้นในหัวเขา
ณ โรงแรมเอเดน เวลา 10.00 น.
ตะวันยังคงคอยตรวจดูกล้องวงจรของโรงแรมปิดโดยมีพนักงานหนึ่งคนคอยช่วย และมีผู้จัดการคอยยืนประกบ
" หยุดตรงนี้ก่อน " ตะวันพูดขึ้น
ภาพที่เห็นคือภาพ ฤทธิ์ กำลังเดินเข้าไปในห้อง ห้องหนึ่งพร้อมกับพนักงานของโรงแรมที่เข็มรถที่มีกระเป๋าใบใหญ่นับสิบใบตามเข้าไปในห้อง
" ขอดูภาพในห้องนั้นหน่อยได้ไหม "
พอตะวันพูดจบพนักงานค่อยๆเปลี่ยนภาพของกล้องในห้องนั้น ภาพที่ออกมาทำให้ตะวันถึงกับหน้าซีด เขาสับสนเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้น
" ช่วยนำวิดีโอนี้บันทึกใส่ม้วนวิดีโอให้ฉันหน่อย "
พนักงานหยุดชะงักเล็กน้อยก่อนจะหันไปมองทางผู้จัดการเพื่อขออนุญาติ ผู้จัดการพยักหน้าเล็กน้อยเพื่อเป็นสัญญาณ พนักงานเริ่มนำม้วนวิดีโอเปล่ามาบันทึกภาพจากกล้องวงจรปิดจนเสร็จ ก่อนนำม้วนวิดีโอส่งมอบให้ผู้จัดการ
" เอาละครับสารวัตร....ถึงเวลาเราต้องคุยกันเรื่องธุรกิจแล้วครับ " ผู้จัดการยิ้มการจะผายมือขวาไปทางประตูเพื่อเป็นการเชื้อเชิญให้สารวัตรตะวันเดินตามมา สารวัตรมองเห็นกำไลสีเงินที่ขอมือขวาของผู้จัดการก่อนจะพยักหน้ารับด้วยใบหน้าที่เรียบเฉย
แต่ในใจเขากับตื่นตระหนก เขาคิดตื้นเกินไป เขาเร่งรีบมาที่นี้เพื่อมาสืบหาข้อมูล แต่เขากับไม่ทันได้คิดว่าต่อให้เขาสามารถหาหลักฐานได้พบแต่เขาจะพาเอาหลักฐานออกไปจากที่นี้ได้ยังไง ตอนนี้เขาทำได้แค่ตามน้ำไปก่อน
ระหว่างที่สารวัตรตะวัน และ ผู้จัดการกำลังเดินไปห้องรับรอง ก็มีแสงจากวิทยุสื่อสารกะพริบเล็กน้อยก่อนที่ผู้จัดจะกดหูฟังและพูดใส่ไมค์ที่ติดกับสายหูฟัง
" กำลังฟังอยู่....ให้พาไปที่ห้องรับแขกก่อน " ผู้จัดการตอบกลับวิทยุสื่อสาร ตะวันถึงกับเกร็ง กล้ามเนื้อพร้อมที่จะต่อสู้ในทันทีที่แสงจากวิทยุสื่อสารกะพริบขึ้น
" ต้องขอโทษด้วยนะครับ วันนี้แขกเราเยอะเป็นพิเศษ เฉยเดินต่อได้เลยครับ " ผู้จัดการหันมาพูดก่อนจะพาเดินต่อไป ตะวันค่อยๆคลายความตื่นตัวลง เมื่อกี้เขาพร้อมจะพุ่งตัวเข้าจู่โจมผู้จัดการคนนี้ทันที่เขาจบสนทนา แต่จากการที่เขาดูพฤติกรรมและบทสนทนาของผู้จัดการคนนี้ ตะวันคิดว่าเขายังคงปลอดภัย
เมื่อพวกเขาถึงห้องรับแขก ผู้จัดการเชิญตะวันให้ไปนั่งเก้าอี้หนังยาวที่อยู่ฝั่งด้านในของห้อง เมื่อตะวันเข้าไปนั่งตามที่ผู้จัดการบอก เขาพึ่งรู้ตัวว่าตัวเขานั้นถูกโต๊ะตัวเล็กๆ และ เก้าอี้หนังยาวอีกหนึ่งตัวในฝั่งตรงข้ามเขานั้น ข้ามทางประตูเข้าออกห้องอยู่ ทันใดนั้นตะวันก็เริ่มสังเกตเห็นว่าผู้จัดการคนนี้ทำการเคาะไมค์ที่หูฟังเขาเป็นจังหวะ ที่แตกต่างกันตั้งแต่ที่เขาเริ่มก้าวเข้ามาในห้อง ผู้จัดการเริ่มล็อคห้องพร้อมใส่แม่กุญแจ และ โชว์ให้ตะวันเห็นว่าเขาเก็บลูกกุญแจไว้ที่กระเป๋ากางเกงด้านขวา และ ค่อยๆเดินมานั่งบนเก้าอี้นั่งยาวฝั่งตรงข้ามกับตะวัน ระหว่างพฤติกรรมทั้งหมดนี้มือของผู้จัดการคนนี้ยังคงเคาะไมหูฟังอยู่ ก่อนที่เขาจะหยุดเคาะแล้วค่อยๆกอดอก พร้อมกับนั่งนิ่งๆ ไม่ส่งเสียงออกมาแม้แต่น้อย
ตะวันรู้สึกผิดปกติอย่างรุนแรง เขาพยายามจะเริ่มต้นสนทนา แต่ผู้จัดการคนนี้จะโยกมือข้างขวาขึ้นมาห้ามไว้ ก่อนที่นิ้วมือของเขาจะค่อยๆหุบลงที่ละนิด จาก 5 นิ้ว เป็น 4 3 2 1 เมื่อเขากำมือครบทั้ง 5 นิ้ว ไฟในห้องก็ดับลง
ตะวันตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นพร้อมกับเกร็งกล้ามเนื้อ และ ประสาทสัมผัสที่ตื่นตัวสุดขีด พร้อมกับสายตาที่เริ่มปรับตัวให้คุ้นชินกับความมืด แต่ก่อนที่เหตุการณ์ตะลุมบอนจะเกิดขึ้น เสียงของผู้จัดการก็ดังขึ้นมาจากความมืด
" สารวัตรเรามีเวลาไม่นาน ในตอนที่ไฟดับอยู่นี้จะไม่มีการบันทึกภาพหรือเสียง แต่สถานนี้จะมีอยู่เพียง 5 นาที "
" แล้วถ้าผมรู้สึกว่าตัวเองกำลังโดนหลอกอยู่ละ " ตะวันพยายามถ่วงเวลาพร้อมกับพยายามหาตอนต้นของเสียง
" คุณอาจตัดสินใจได้ง่ายขึ้น ถ้าผมบอกว่า ลูกน้องของคุณฤทธิ์ ตอนนี้มารออยู่ที่ห้องรับแขกแล้ว และ ในระดับผู้จัดการทุกคนจะมีกำไลฉุกเฉินอยู่ที่ข้อมือข้างใดข้างหนึ่งทันทีที่กด จะมีกลุ่มเพื่อนๆของผมที่พวกเขาไม่น่ารักสำหรับคุณเท่าไหร่ จะกรูเข้ามาภายใน 2 นาที "
" แล้วจะรู้ได้ยังไงว่าตอนนี้คุณไม่ได้กดมันไปแล้ว " ตะวันพอจะคาดเดาทิศทางของเสียงได้แล้ว เขาพยายามใช่มือสำรวจสิ่งขีดขวางในทิศทางที่เขาได้ยินเสียง
" เพราะตอนนี้คุณยังไม่โดนจับ แถมยังไม่เห็นเพื่อนของผมอยู่ที่นี้ อีกทั้งตอนนี้เราเหลือเวลาแค่ 3 นาที "
ตะวันพุ่งตัวเข้าไปหมายจะคว้าตัวและข้อมือทั้งสองข้างของผู้จัดการ แต่เขากับจับได้เพื่อข้อมือด้านซ้ายเพียงข้างเดียว สถานการณ์ตึงเครียดกว่าเดิม ตะวันเริ่มบทสนทนาอีกครั้ง
" พูดต่อซิ ฉันยังฟังอยู่ "
" ผมจะปล่อยคุณไป คุณจะพอมีเวลาประมาณ 1 ชม.ก่อนที่คนพวกนั้นจะรู้ว่าคุณได้เทปนี้ไปแล้ว "
" แล้วนายจะได้ประโยชน์อะไร "
" เรื่องนั้นคุณคงไม่ต้องกังวลแทนผม " แก๊ก..เสียงของผู้จัดการยอมพูดไม่ทันได้กะพริบตากระบอกปืนเดสเสิร์ท อีเกิล ก็มาจ่ออยู่ชายโครงขวา
" แล้วถ้าฉันมีทางเลือกอื่นละ " ตะวันพูด
" นั้นมันก่อนที่คุณจะรู้ว่า คนของคุณ ฤทธิ์ มาถึงที่นี้แล้ว "
แม้ตะวันจะไม่แน่ใจว่าสิ่งที่ผู้จัดการคนนี้พูดเป็นความจริงแค่ไหน ถ้าลูกน้องของฤทธิ์มาถึงจริง ก็คงมาถึงตั้งแต่ตอนที่ผู้ชายคนนี้รับวิทยุตอนเดินพาเขามาที่นี้แล้ว
"ตอนนี้เหลือแค่ 1 นาที คุณจะอัดผมจบสลบลงตรงนี้ หรือ จะเอาผมเป็นตัวประกัน ก็หนีออกไปจากที่นี้ไม่ได้อยู่ดี"
ตะวันนิ่งคิดอยู่ครู่นึ่ง ขณะที่เวลาลดลงเรื่อย
" ฉันตกลง " สิ้นเสียงของตะวัน ทั้งคู่ก็แยกตัวออกจากกัน แสงไฟสว่างขึ้น ทั้งคู่ปรับสายตากันเล็กน้อยก่อนที่ผู้จัดการจะชิงจังหวะในการเริ่มสนทนาออกมาก่อน
" หวังว่าทางเราจะไดทำธุรกิจกับคุณ ฤทธิ์ อีกนะครับ ส่วนเรื่องค่าให้บริการ ทางเราจะส่งให้คุณฤทธิ์ในภายหลัง "
ตะวันพยักหน้า เพื่อเป็นการตอบรับ
" เชิญทางนี้ได้เลยครับ ผมจะไปส่งคนที่ทางออก " ผู้จัดการพูดพร้อมผายมือไปที่ประตู
ทั้งคู่ค่อยเดินตามกันออกจากห้อง ผู้จัดการพาตะวันเดินออกทางตะวันด้านหลัง เมื่อถึงทางออกผู้จัดการหันมาพูดกับตะวัน
" ถึงตรงนี้เราคงคุยกันได้โดยไม่ต้องกังวลอะไร "
" ข้อแลกเปลี่ยนคืออะไร "
" ผมไม่รู้ว่าเรื่องที่คุณสืบคือเรื่องอะไร แต่ในกรณีที่เลวร้ายที่สุดผมจะให้ความร่วมมือในการแบ่งปันข้อมูล "
" อยากถูกกันเป็นพยานรึไง "
" ผมมีแผนของผม แต่ถ้าคุณต้องการพยานผมก็หาให้ได้ "
ตะวันหยุดคิดเล็กน้อย นี้ไม่ใช่เรื่องที่แย่สำหรับเขา แม้เขาจะไม่เชื่อใจในคนคนนี้และยังไม่เข้าใจในเจตนาที่แท้จริง แต่การได้ข้อมูลจากด้านในก็เป็นเรื่องดีสำหรับเขา
" ฉันรับข้อเสนอ "
" เยี่ยม ยินดีที่ได้ร่วมธุรกิจ คุณสามารถติดต่อผมได้ที่ ร้าน ม้านั่ง "
" แล้วให้เรียกนายว่าอะไร "
" ฮันหยาง ไม่ก็หัวหน้าฮันก็ได้ " ทั้งคู่แยกย้าย ตะวันหลังจากที่ทราบชื่อ ฮัน เขาก็รีบออกไปจากที่นี้ทันที เขามองนาฬิกาข้อมือ เป็นเวลา 10.40 นาที หลังจากตะวันลับสายตา ไม่ช้าพนักงานสวมชุดช่างไฟฟ้าเดินมาหาฮันพร้อมกับเทปวิดีโออีก 2 ม้วน
" เรียบร้อยแล้วครับ หัวหน้าหยาง "
" ดีมาก ฉันมีงานให้นายอีกงาน ช่วยไปพาตัวหัวหน้าผู้จัดการมาให้ฉันที "
" ผมจะจัดการให้ทันทีครับ "
ฮันได้เตรียมคนของเขาเข้ามาในโรงแรมนานแล้วคนในห้องกล้องวงจรปิดก็เป็นหนึ่งในนั้น เรื่องไฟฟ้าที่ดับนั้นก็เป็นหนึ่งในสิ่งที่เขาเตรียมการไว้แล้วเหมือนกัน แม้ฮันจะเสียดายอยู่ไม่น้อยที่อาจทำให้พนักงานคนอื่นที่ไม่ใช้คนของเขารู้ถึงวิธีการส่งสัญญาณโดยการส่งรหัสผ่านเสียงเปิดปิดวิทยุสื่อสาร แต่นี้ก็เป็นครั้งแรกที่เขานำวิธีนี้มาใช่ แต่เขาคงต้องเตรียมวิธีอื่นไว้บ้าง ฮันเก็บเทปวิดีโอก่อนจะค่อยๆเดินไปหาลูกน้องของฤทธิ์อย่างใจเย็นในที่รับรองแขก " สวัสดีครับ ต้องขออภัยในความล่าช้า ผมเป็นผู้จัดการของที่นี้มีอะไรให้ผมช่วยไหมครับ "
ร้านไซเรน เวลา 10.00 น.
แสงลงจากรถกระบะ ก่อนจะเดินเข้าไปในร้าน ในนั้นมีรถจอดรอซ่อมอยู่2-3 คัน พร้อมกับช่างซ่อมที่กำลังตั้งใจทำงานอย่างขะมักเขม้นอยู่อีกประมาณ 10 คน แสงเดินเข้าไปในร้านพร้อมกับโชว์ตราตำรวจ แน่นอนว่ามันของปลอมแต่ว่าต่อให้เป็นตำรวจ ก็ต้องตรวจอย่างละเอียดถึงจะรู้ว่ามันเป็นของปลอมแล้ว คนส่วนใหญ่จะแยกออกได้ยังไง
ทันทีที่แสงโชว์ตราตำรวจออกมา ช่างทุกคนต่างหยุดมือจากงานที่กำลังทำอยู่พร้อมเดินมาล้อมแสงห่างจากตัวเขาประมาณ 7-8 ก้าว ก่อนที่จะมีคนคนนึงเริ่มประโยคสนทนา
" มีอะไรรึเปล่าครับ คุณตำรวจ " เสียงจากชายวัยกลางคนอายุประมาณ 50 ปี เขาแต่งตัวด้วยเสื้อเชิ้ตสีดำลายสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูนสีแดง สร้อยคอเป็นทองเส้นใหญ่ที่มี พระองค์ใหญ่ห้อยติดกับสร้อยคอ 3 องค์ เขาถือกระเป๋าแบบถือมือเดียวเดินออกมาด้านหลังจากกลุ่มช่าง
" พอดีมีคนแจ้งมาว่า ร้านนี้มีอะไหล่เถื่อนขาย แถมมีแจ้งเรื่องมีการแอบเปลี่ยนอะไหล่เก่ากับอะไหล่จากรถที่มาซ่อม " ทันทีที่แสงพูดจบ ชายวัยกลางคนกับมีท่าทีผ่อนคลายขึ้น
" ไม่เอานะคุณตำรวจ มากล่าวหากันแบบนี้ ร้านผมก็เสียหายกันพอดี "
" นี้เฮีย เฮียจะบอกว่าผมกล่าวหาเฮียรึไง ผมแค่มาตรวจตามหน้าที่ "
" นี้คุณตำรวจอย่าหาว่าผมเสียมารยาทเลย คุณยศอะไร "
" ทำไม จะบอกว่าคุณแอบติดสินบนให้ตำรวจยศสูงไว้รึไง "
" ไม่กล้าๆ เรียกว่ามีความสัมพันธ์ส่วนตัวที่ดีต่อกันมากกว่า "
" แล้วถ้าผมบอกว่าความสัมพันธ์ส่วนตัวมันช่วยเฮียไม่ได้ละ " บรรยากาศเริ่มตึงเครียดขึ้นเลยๆ
" ผมว่าคุณคงอยากคุยกับคนบางคน " แต่ชายวัยกลางคนพยายามหยิบมือถือขึ้นมาเพื่อพยายามจะโทรหาใครสักคน
แต่กับมีเสียงมือถือดังขึ้นขัดจังหวะ แสงหยิบมือถือขึ้นมาก่อนกดปุ่ม แล้วนำมาแนบหู แล้วหันหลังให้เจ้าของร้าน
" อะไรนะ " แสงตะโกนเสียงดังก่อนทำเป็นเสียงเบาลงเล็กน้อย " เจอรถแล้ว...ตกลงว่าไม่เจอรถแต่มีสายข่าวที่รู้...อ่า อ่า แค่นี้ก่อนนะ " แสงพูด
" จะเอายังไง คุณตำรวจ หรืออยากยังอยากให้ผมโทรหาใครแค่บางคนให้คุณคุยด้วย " เจ้าของร้านพูด ด้วยท่าทีแข็งกร้าว
" ไม่จำเป็น ตอนนี้ผมมีงานเข้ามาพอดี ส่วนเรื่องที่คุณโดนร้องเรียน ค่อยมาเคลียร์ วันหลังก็ได้ " แสงหันกลับมาพูดอย่างรำคาญใจ พร้อมกับโบกมือไปมาอย่างไปแยแส พร้อมกับหันหลังกำลังจะเดินออกจากร้านไป เจ้าของร้านไม่ได้รั้งแสงไว้ แต่เขาก็เรียกให้ช่างในร้านคนหนึ่งเดินไปดูว่าแสงขับรถจากไปรึยัง
แสงกับขึ้นมาบนรถก่อนจะขับรถออกไป หลังจากนั้นไม่นานแสงก็หยิบมือถือขึ้นมาโทรหาทไวท์
" เป็นไงบ้าง มีอะไรเคลื่อนไว้ไหม "
" ยังเลยลุง ตอนนี้ผมจอดรถรอดูอยู่หน้าร้านไซเรนยังไม่มีอะไรเคลื่อนไหวเลย "
" มีคนเฝ้าจุดอื่นอีกไหม "
" นอกจากผมก็มีอีกจุดสาม มีหน้าร้านอีกจุดหนึ่งเลยจากผมไปปลอมเป็นรถขายกล้วยทอดอยู่ และก็มีหลังร้านอีกสองจุดเป็นรถขายน้ำหวาน กับรถขายหมูปิ้ง "
" แล้วอีกร้านเป็นไงบ้าง "
" ลุงชาติ กับลูกน้องผมก็กำลังเฝ้าอยู่เหมือนจะเริ่มทำตามแผนไปแล้วด้วย แต่ยังไม่ได้ติดต่อมา "
" โอเค เปลี่ยนรถแล้วจะกลับไปหา "
" แล้วทำไมลุงถึงคิดว่าจะเป็นร้านนี้ "
" ร้านนี้มันจ่ายเงินให้ตำรวจที่เป็นคนของ ผู้บังคับการ แล้วถ้าคดีนี้ผู้บังคับการมีส่วนเกี่ยวข้อง ก็เป็นไปได้ที่มันจะต้องพยายามช่วยคดีนี้ไม่ทางไหนก็ทางหนึ่ง "
" ลุงมีช่างออกมาจากร้านขับรถออกไปแล้ว "
" มีทั้งหมดกี่คนที่ออกมา " แสงค่อยๆจอดรถก่อนจะเดินออกจากรถไปขึ้นรถอีกรถหนึ่งที่เตรียมไว้
" มี 5 คน ผมกำลังจะตามออกไป "
" โอเค บอกทางฉันเป็นระยะๆ " แสงเริ่มติดเครื่องรถก่อนขับออกไปอย่างช้าๆ
" ตอนนี้มันผ่านโรงเรียนมัธยมปลาย แล้วกำลังออกซ้าย ตรงไปทางสะพานขาว "
" โอเค ตอนนี้ฉันขับตามหลังนายมาแล้ว "
" ด้านหน้าถ้าเลี้ยวซ้ายมันจะเข้าสะพาน ถ้ามันเลี้ยวเข้าสะพานผมจะขับเลยตรงไป "
" ได้เดียวฉันตามต่อเองทไวท์ "
" ผมจะต้องขับวนไกลสักหน่อย แต่จะพยายามขับห่างจากลุงไม่เกิน 20 นาที "
รถของช่างเลี้ยวเข้าสะพาน ไปติดๆกันกับรถของแสง พวกเขาขับตรงออกห่างจากตัวเมืองไปเรื่อย ๆ ยิ่งออกห่างจากตัวเมืองมากเท่าไหร่ รถก็ยิ่งบางตาลงเท่านั้น แสงได้แต่ขับทิ้งระยะห่างจากรถที่เขาตาม แต่ไม่กล้าทิ้งห่างมากเกินไป
เขารู้ดีว่าเสี่ยงที่อีกฝ่ายจะรู้ตัว แต่ถ้าเขาพลาดแล้วรถเกิดคลาดสายตา เขาอาจไม่มีโอกาสหาเบาะแสคดีรถสปอร์นที่น้องเขาอุตส่าห์ฝากฝังมา ทันใดนั้นรถก็รถของช่างก็เลี้ยวเข้าไปในทางเล็กเส้นหนึ่งมันเป็นถนนดินเปล่าไม่ได้ปูยางมะตอย แสงถึงกับหยุดรถคิดอยู่ครู่หนึ่งทางมันเปลี่ยวเกินไปถ้าตามต่อไปอีกฝ่ายต้องรู้ตัวแน่แต่ถ้าทิ้งรถไว้ตรงนี้ก็ไม่รู้ว่าถนนเส้นนี้จะยาวเข้าไปถึงไหน แสงกดมือถือส่งข้อความแบบSMSให้ทไวท์ทราบที่เส้นทาง ก่อนที่จะตัดสินใจขับรถตามเขาไป
โรงสี เวลา 11.00 น.
ไม่กี่อึดใจแสงก็เห็นรถของช่างจอดอยู่ด้านในโรงสีข้าวเก่าๆ สภาพบอกได้ชัดว่าที่นี้ไม่ได้ถูกใช้งานเป็นเวลานานแล้ว แสงค่อยๆจอดรถและดับเครื่องอยู่ด้านนอกโรงสี เขายังไม่ลงจากรถแต่สังเกตอยู่ในรถก่อนที่เขาจะหยิบกระเป๋าสะพายใบหนึ่ง และ กล้องฟิล์มหนึ่งตัว เขาเดินอ้อมไปด้านหลังฝั่งซ้ายโรงสีผ่านกระจกหนึ่งบานและกองแผ่นสักกะสีที่วางอยู่ค่อนหน้าตาก่อนหยิบเอานาฬิกาปลุกออกมาตั้งเวลา ก่อนจะเดินไปด้านหลังฝั่งขวาเขาหยิบประทัดออกมาหนึ่งพวงก่อนจะจุดแล้วโยนลงพื้นก่อนจะวิ่งไปหลบวนไปทางหน้าตาบานเก่า แสงรีบเอาเอาแผ่นสังกะสีขนาดใหญ่ 2 แผ่นมาวางปิดหน้าต่าง
ปัง ปัง ปัง !! เสียงประทัดดังขึ้น ทันที่ที่เสียงประทัดดังขึ้นแสงเอาก้อนหินทุบกระแทกหน้าต่าง ไม่กี่นาทีต่อมามีคนวิ่งออกมาจากด้านในโรงสี 3 คนวิ่งไปทางด้านหลังโรงสีฝั่งขวาตามเสียงประทัด แสงมองนับจำนวนคนที่สิ่งออกไปมาจากโรงสี ก่อนจะเอามือลอดผ่านรูกระจกที่แตกปลดล็อคหน้าต่าง แสงกระดดเข้าไปทางหน้าต่างการ เขาเห็นช่างอีก 2 คน กำลังใช้นํ้าเกลือกับผ้าเช็ดรอบรถสปอร์ต HD NSX สีแดง แต่กับไม่เช็กคาบเลือดที่ติดอยู่ และที่กระโปรงมียุบเหมือนชนเข้ากับบางสิ่ง แสงหยิบกล้องมาเริ่มถ่ายรูป ทันใดนั้นเสียงนาฬิกาปลุกก็ดังขึ้นอีกครั้ง ติ๊กๆ ติ๊กๆ " อะไรอีกเนี่ย พวกนั้นออกไปมัวทำอะไรกันอยู่ เองออกไปดูอีกคนสิ " ช่างคนหนึ่งที่สวมหมวกอยู่สั่งให้อีกคนเดินออกไปดูต้นตอของเสียง
ตอนนี้มีเพียงแสงกับช่างหนึ่งคนที่ยังคงอยู่ด้านในโรงสี ช่างที่เหลืออยู่เริ่มนำเอาถุงใสใบหนึ่งขึ้นมาในนั้นมีเส้นผมอยู่ในนั้นจำนวนหนึ่ง แสงค่อยถ่ายรูปสิ่งที่เกิดขึ้นเก็บไว้ทั้งหมด ไปจนขึ้นทะเบียนรถและใบหน้าของช่าง ไม่นานช่างทั้งสี่คนก็เดินเข้ามาภายในโรงสี ก่อนเดินมาหาคนที่สวมหมวกพร้อมกับเอาซากประทัดกับนาฬิกาปลุกมาให้เขาดู แสงรีบใช้ช่วงเวลานี้แอบเก็บรูปใบหน้าของแต่ละคนจนครบ แสงรู้ว่าอีกฝ่ายรู้ตัวแล้ว เขาไม่อยากเสี่ยงอยู่ที่นี้นานกว่านี้ แสงเก็บกล้องเข้ากระเป๋าสะพายแล้วค่อยๆย่องไปหน้าต่างที่เขาเปิดไว้แต่ยังไม่พ้นจากที่ซ่อนเสียงมือถือเข้าก็ดังขึ้น แสงขนลุกซู่ก่อนจะรีบตัดสายมือถือทิ้งก่อนจะรีบปิดเครื่อง ร่างกายเขาเย็นเฉียบ แต่เหงื่อของเขาไหลออกทั่วตัว ประสาทสัมผัสเตือนตัว อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
" ว่าไง คนขี้อายตรงนั้นอะ ไม่คิดจะออกมาคุยกันหน่อยหรอ!! "
สถานนีตำรวจ 11.20 นาที
ตะวัน พยายามโทรหาพี่ชายของเขา แต่หลังจากกดโทรแรกครั้งอื่น ๆก็ติดต่อไม่ได้เลย เวลาที่ฮันช่วยเขาออกมาตอนนี้เขาเหลือเวลาแค่ 20 นาที และเขารู้แล้วว่าคงมีบางอย่างเกิดขึ้นกับพี่ชายของเขา มันยิ่งทำให้เขาวิตกจนนั่งไม่ติดก้าวอีก เขารีบเก็บของและเอกสารที่จำเป็นแล้วรีบ เดินไปขึ้นรถเก๋งสีเขียวอ่อนของเขาก่อนออกรถเขาได้โทรบอกภรรยาของเขาด้วยความร้อนรน หลังจากนั้นเขาก็ออกรถตรงไปที่ทำงานภรรยาเขาทันที ประมาณ 10 นาที เขาก็ถึงที่ทำงานภรรยาเขา ทันทีที่ภรรยาขึ้นรถเขาก็บอกให้ภรรยาเขารีบโทรหา ลูกสาว และ ลูกชายของเขาทันที ภรรยาของเขาไม่ได้เข้าใจในสถานการณ์ดีนักแต่สามีของเขาเป็นตำรวจ เธอคิดไว้แล้วบางทีเรื่องแบบนี้อาจเกิดขึ้นในสักวัน เธอโทรหาลูกๆของเธอในทันที แต่เธอติดต่อลูกชายของเธอไม่ได้ แต่เธอยังพอติดต่อลูกสาวของเธอได้อยู่ตะวันรีบขับไปรร.ของลูกสาวเขาทันทีอีก 25 นาทีก็น่าจะถึง เขาได้แต่หวังว่าถึงคนของฤทธิ์จะรู้ตัวตนของเขาแล้วแต่เขาก็จะไม่ทำอะไรประเจิดประเจ้อต่อตัวเขาในตอนนี้
โรงสี เวลา 11.20 นาที
" ว่าไง คนขี้อายตรงนั้นอะ ไม่คิดจะออกมาคุยกันหน่อยหรอ!! " ช่างที่ใส่หมวกระหว่างที่เขากำลังพูดเขาก็ให้สัญญาณให้ 2 คนเข้าไปตรวจดูตามที่มาของเสียง และให้ 2 คนเดินไปดักรออยู่ที่ทางออกโรงสีด้านนอก และเขาคอยคุมเชิงอยู่ตรงกลางห้อง ช่างทุกคนหยิบเอาอุปกรณ์ช่างต่างไปเป็นอาวุธ
" อะไรกัน ทั้งประทัด ทั้งนาฬิกาปลุก แกเป็นคนทำใช่ไหม "
" อะไรกัน เป็นเด็กรึไงทำผิดไม่ยอมรับผิด หรือ แกเป็นเด็กจริงๆ "
" มาๆออกมาเถอะ ออกมาตอนนี้ลุงใจดีคนนี้ จะไม่โกรธ จะไม่ว่าอะไรด้วย " ในระหว่างที่ช่างใส่หมวกกำลังพูดถ่วงเวลา ช่าง 2 คนก็เดินเข้าใกล้แสงเรื่อย ๆ แสงรีบค้นดูในกระเป๋าว่ามีอะไรบ้าง เขาหยิบเอาแอลกอฮอล์ในขวดแก้วออกมาขวดหนึ่งและหยิบเอาเหล้าออกมาอีกขวดหนึ่ง เขารีบกระดกเหล้าอมไว้ในปากมือหนึ่งจุดไฟแช็กไว้มือหนึ่งถือขวดแอลกอฮอล์
ทันใดที่ช่างทั้ง 2 คนเห็นแสงไฟจากไฟเช็กของแสงทั้งสองก็รีบพุ่งเข้าชาร์จ แสงพุ่งตัวออกมาจากที่ซ่อนแล้วพ่นเหล้าผ่านไฟแช็กใช่ช่างทั้งสอง ทั้งสองกระโดดกลิ้งถอยหลังด้วยความตกใจ แสงรีบปาแอลกอฮอล์ลงพื้นด้านหน้าจนแตกแล้วยกไฟแช็กลงกองแอลกอฮอล์บนพื้นจนไฟลุก กองจะพุ่งตัวออกนอกหน้าต่างที่เขาเข้ามาเขาพุ่งชนจนแผ่นสักกะสีที่เขาเคยเอาวางปิดไว้กระเด็น แสงกลิ้งไปกับพื้นก่อนหยิบก้อนหินใหญ่ก้อนเท่าฝ่ามือก้อนหนึ่งขึ้นมาและวิ่งออกไปทางออกโรงสี ทันใดนั้นช่าง 2 คนที่ดักอยู่ทางออก เมื่อเห็นแสงพุ่งตัวออกมาจากโรงสีเขาทั้ง 2 ก็วิ่งเข้าไปหาแสงกะจะจู่โจมอีกฝั่งก่อนที่จะตั้งตัวได้ แต่คาดไม่ถึงหนึ่งในนั้นกับถูกแสงซัดก้อนหินใส่ศีรษะจนเลือดอาบ ส่วนอีกคนด้วยความตกใจเขาหันไปดูเพื่อนของเขาตามก้อนหินปาเข้าใส่ กว่าเขาจะตั้งสติหันกับไปมองศัตรู เขาก็พบกับหมัดที่กำลังพุ่งเข้ามาใส่หน้าของเขาจนหงายหลัง แสงไม่หยุดรีบวิ่งพุ่งไปทางออกโรงสี แต่ช่างที่อยู่ด้านในโรงสีก็วิ่งออกมาตามมาติดๆ
แสงรีบวิ่งขึ้น เขาล็อคประตูก่อนจะรีบสตาร์ทรถ แม่มเอ๊ย! มาติดยากอะไรตอนนี้ แสงได้แต่สบถอยู่ในใจทันใดนั้นมีช่างคนหนึ่งวิ่งมาทันจนถึงรถพร้อมกับฟาดชะแลงเหล็กลงกระจกหน้ารถของแสงจนราว ทันใดนั้นแสงก็สตาร์ทรถจนติดก่อนจะขับรถถอยหลังอย่างรวดเร็วก่อนที่เขาจะมองกระจกหลังซะอีก หลังจากออกจากระยะของพวกช่างแสงก็พยายามจะกลับรถแต่เขากลับรถได้แค่ครึ่งทาง เขาก็โดนรถกระบะสีดำปริศนาพุ่งชนใส่ด้านหน้าตัวรถ จนรถของแสงหมุนและหยุดขว้างอยู่กลางถนน แต่รถไม่ทันหยุดหมุนดีช่างใส่หมวกเขาก็ขับรถออกมาชนเข้ากับบริเวณที่มีบนนั่งของรถ บึ้งงงง!!! รถของแสงถึงกับกระเด็นล้มตะแคงกับพื้น
เวลา 11.50 นาที บนรถตะวัน
ในระหว่างที่ตะวันขับไปรร.ของฝน เขาได้คุยกับนํ้าภรรยาของเขาว่าตอนนี้เขาไปพบเข้ากับข้อมูลหนึ่งมาแล้วมันเป็นข้อมูลที่อันตรายและเขาไม่ควรรู้ และระหว่างทางนั้นเขาก็ยังติดต่อเมฆไม่ได้มันยิ่งทำให้เขากังวลมากบวกกับเวลาที่ฮันให้กับเขาหมดไป 10 นาทีก่อนแล้ว
" นํ้าช่วยส่งข้อความหาพี่ชายผมหน่อยว่า มีเรื่องไม่ปลอดภัยเกิดขึ้น ช่วยไปรับและดูแลเมฆที "
" แล้วเราไปรับฝนแล้วเราจะไปไหนกัน " นํ้าถาม
" เราจะกลับไปบ้านก่อน เราจะต้องรีบไปเก็บของที่จำเป็นก่อน ถ้ายังติดต่อพี่ชายผมไม่ได้เราจะกลับมารับเมฆ แล้วหนีไปหลบที่อื่นสักพัก " หลังจากตะวันพูดจบ ทั้งสองคนก็ตกอยู่ในความเงียบก่อนที่นํ้าที่กำลังทำหน้าเครียดจะเริ่มถามคำถาม " คุณ...พอจะบอกได้ไหม.. " บึ้ง!! ไม่ทันพูดจบทั้งคู่ก็สั่นจากแรงกระแทกจากการโดนชน
ตะวันหันไปมองหันหลังเห็นรถกระบะสีดำที่เป็นคันที่ชนเขาพยายามส่องไปเป็นจังหวะใส่เขาเพื่อเป็นสัญญาณให้เขาหยุดรถ แต่ตะวันไม่สนใจจะหยุดรถ เขากับพยายามเร่งเครื่องพร้อมกลับเปลี่ยนเส้นทางจากจะไปรร.ของฝนไปเส้นทางอื่น แต่รถกระบะสีดำยังคงขับตามเขาต่อ
" คุณจะไปไหนนะ "
" เราจะต้องพามันไปทางอื่นก่อน ผมไม่รู้ว่ามันเป็นพวกเดียวกับที่ผมคิดไหม แต่ผมไม่อยากพาไปทางรร.ลูก "
ตะวันเร่งเครื่องขับไปทางถนนออกนอกตัวเมือง เขาตรงไปทางถนนใหญ่ 4 เลน โดนมี 2 เลนเป็นฝั่งออกจากเมืองและมีอีก 2 เลนเป็นฝั่งเข้าไปในเมือง โดยมีเกาะกลางถนนคันกลางทั้งสองฝ่าย
ตะวันเร่งเครื่องตรงไปทางจุดกลับรถ ก่อนจะดริฟท์รถเข้าจุดกลับรถข้ามไปฝั่งถนนเข้าเมือง ตะวันหันไปมองกระจกหลังอีกครั้ง แต่อีกฝั่งยังคงขับรถตามมาอยู่และมีรถเก๋งสีดำคันหนึ่งขับอยู่หน้ารถของตะวัน พยายามชะลอความเร็วรถ ตะวันเห็นแบบนั้นเขาพยายามจะเปลี่ยนเลนไปทางซ้าย แต่ทันไหนนั้นรถคันข้างหน้าก็เร่งความเร็วเปลี่ยนเลนมาทางเลนซ้ายเหมือนกัน ตะวันถึงกับคิ้วกระตุก เขาพยายามเปลี่ยนเลนเป็นเลนซ้าย รถคันด้านหน้าก็เปลี่ยนเลนมาบังเขาอีกครั้ง ตะวันเข้าใจได้ทันทีว่ารถคันข้างหน้าเป็นพวกเดียวจะคนที่กำลังตามเขาอยู่ แต่สถานการณ์กับเลวร้ายขึ้นอีก เมื่อรถกระบะสีดำตามมาทันเขาแล้ว
ตะวันตะโกนขึ้น " เกาะเบาะแน่นๆ " เขาเยียบเบรกกะทันหันจนรถกระบะด้านหลังชนเข้ากับท้ายรถของเขา หลังจากนั้นเขาก็รีบเร่งเครื่องออกไปทางเลนขวา จนขนาบข้างรถเก๋งสีดำ ทันใดนั้นรถเก๋งสีดำขับมากระแทกจากด้านข้าง บึ้งง!! รถตะวันเซเล็กน้อย เขาลดความเร็วลง ก่อนจะใช่ด้านหน้ารถฝั่งซ้ายกระแทกเข้ากับท้ายรถฝั่งขวาของรถเก๋งสีดำ จนรถเก๋งสะบัดเสียหลักไปเลนขวา ตะวันเปลี่ยนเลนออกทางซ้ายแล้วพยายามเร่งเครื่องทิ้งห่างจากรถเก๋งสีดำ แต่ด้วยสภาพรถของเขาทีพังยับ ไม่ช้ารถเก๋งสีดำก็ขับมาประชิดด้านขวาของเขาก่อนจะลดกระจกลงแล้วรัวยิงใส่รถของตะวัน 5 นัดยิงเข้าฝั่งขวา ปัง ปัง ปัง !! กระสุนทั้ง5นัดมีหนึ่งนัดยิ่งเข้ากระจกจนเป็นรอยร้าว
" นํ้าในเก๊ะรถมีปืนอยู่ " ตะวันรีบตะโกนบอก นํ้าพยายามเปิดเก๊กรถขึ้น ในเก๊กมีปืนลูกโม่แบบบรรจุ 5 นัด และ กระสุน0.38 ทั้งหมด 10 นัด ตะวันเคยสอนนํ้ายิงปืนมาบางแต่นี้เป็นครั้งแรกที่เธอต้องใช้มันในสถานการณ์จริง
" แล้วทำไมไม่ใส่กระสุนไว้ " นํ้าร้องลั่น
" แค่เอาปืนกับกระสุนไว้ใกล้กันก็ผิดกฎหมายแล้ว " ตะวันร้องอย่างตื่นตระหนก เขาไม่ใช่ไม่เคยปะทะกับคนร้าย แต่การปะทะในแต่ละครั้งไม่เคยมีภรรยาของเขาต้องมาตกอยู่ในอันตรายแบบนี้
นํ้าพยายามจะใส่กระสุนอย่างทุลักทุเล บึ้ง !! ทันใดนั้นรถเก๋งสีดำก็กระแทกรถของตะวันเข้าฝั่งขวา ปืนลูกโม่หลุดจากมือนํ้าพร้อมกับกระสุนตกลงที่รองเท้า นํ้าพยายามจะก้มตัวลงไปหยิบแต่ระหว่างนั้น ตะวันเห็นอีกฝั่งกำลังจะยิ่งปืนใส่พวกเขาอีกครั้ง เขาเลยหักรถเข้ากระแทกรถเก๋งอีกครั้ง ปืนที่นํ้ากำลังจะคว้างได้ก็ไหลหลุดมือไปอีกครั้งตามแรงกระแทก แต่พออีกฝั่งตั้งตัวได้ก็รัวยิงอีก 5 นัดใส่รถจนกระจกข้างคนขับแตก
นํ้าหยิบปืนและบรรจุกระสุนลง 1 นัด ก่อนจะเอาปืนจ่อไปที่อีกฝั่ง ผู้ชายในรถเก๋งที่เป็นหนึ่งในมือปืนเห็นก็ก้มตัวลงหลบ นํ้ารีบเปลี่ยนทิศทางของปืนเล็งไปที่ล้อรถก่อนจะยิงยางรถเก๋งทิ้ง ปัง! รถอีกฝ่ายเสียหลักแต่ยังคงประครองรถได้แต่ก็ไม่สามารถไล่ตามตะวันได้อีกแล้ว หลังจากผ่านช่วงเวลาระทึกพวกเขาทั้งสองพึ่งได้หายใจทั่วท้อง ก่อนที่ตะวันจะขอให้นํ้าช่วยส่งข้อความบอกพี่ของเขา “ บอกเขาให้ไปรับเมฆทีเราจะไปรับฝนแล้วกลับไปเก็บของกันก่อน แล้วถ้าเขายังไม่ติดต่อกลับมาเราจะไปรับเมฆอีกที ”
โรงสี เวลา 11.55 นาที
แสงค่อยๆปลดเข็มขัดนิรภัยออก สภาพของเขาตอนนี้มีเลือดออกจากหน้าผากฝั่งซ้ายและมีบาดแผลตามแขนทั้งสองข้างของเขาเล็กน้อย เขาได้แต่บ่นอยู่ในใจว่างานที่น้องเขาให้มา มันไม่คุ้มเอาซะเลยกลับไปได้จะต้องให้เลี้ยงเหล้ากับชดใช้ค่ารถ เขาหยิบเอากล้องออกมาจากกระเป๋า ก่อนจะเอาม้วนฟิล์มหยิบออกมาใส่กระเป๋าเสื้อ ก่อนจะเอาม้วนฟิล์มใหม่ใส่เข้าไปแทน ในระหว่างนั้น มีชายโกนหัว หนวดเคราคมเข้ม สั่งให้คนรัวยิงใส่รถของแสง แสงรีบใช้เท้าถีบกระจกส่องหลังรถจนหลุดออกมา เขาพยายามใช้ปืนเดสเสิร์ท อีเกิล สีเงินรัวยิงใส่กระจก 5 นัด ก่อนจะพยายามถีบกระจกหน้ารถออก ชายหัวโล้นสั่งให้หยุดยิงก่อนจะสั่งให้คนเอาปืนลูกซองออกมา แล้วสั่งให้ยิงไปที่รถของตะวัน ปัง นัดแรกถังนํ้ามันรถแตกแถมมีลูกปายบางลูกกระเด้งเข้ามาในตัวรถ ปัง !นัดที่สองกระเด็นเข้ามาในรถโดนที่ไหล่ซ้ายของแสงแต่เขาก็ถีบจนกระจกหลุดกระเด็น แสงพยายามใช้กระจกส่องหลัง ออกมาส่งดูนอกรถ เขาเห็น คนทั้งหมด 9 คน โดย มี 5 คนที่เป็นช่าง 4 คนที่ใส่เสื้อผ้าสีดำทั้งตัว และ มีหนึ่งในนั้นกำลังจ่อปืนลูกซองมาที่รถของเขา ทันทีที่แสงเห็นว่าคนนั้นกำลังจะยิงนัดที่สามมาใส่เขา เขารอพุ่งตัวออกหน้ารถที่ไม่มีกระจกสวนออกไปขณะที่ยิงนัดที่สามยิงออกมาพร้อมกับกระเป๋าสะพายที่มีกล้องอยู่ด้านใน สะเก็ดไฟเกิดขึ้นนํ้ามันรถติดไฟทันทีแสง ยิง ออกไปอีก 2 นัดก่อนจะพุ่งตัวไปหาต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ข้างทาง ตอนนี้เขาอยู่ฝั่งทางออกแต่รถของเขาพังไปแล้ว แสงเปลี่ยนแม็กกาซีนปืน เขาเหลือกระสุนอยู่ 7 นัด ต่อให้เขายิ่งแม่น 1 นัดต่อคนได้ แต่ก็ไม่พอต่อจำนวนของอีกฝ่ายอยู่ดี
" ว่าไงกระสุนหมดแล้วรึไง " ชายหัวโล้นตะโกนทักขึ้น
" เปล่า แค่กำลังคิดว่าจะยิงใครก่อนดี " แสงตะโกนตอบ
" แกยอมแพ้เถอะ แกคิดจริงหรอว่าพวกฉันไม่รู้ว่ามีคนขับรถตาม " ชายหัวโล้นตะโกนพูดกับแสงแต่ก็ใช้มือบอกให้คนถือปืนลูกซองให้ค่อยๆเข้าไปชาร์จตัวอีกฝ่าย
" ฉันว่าฉันเนียนแล้วนะ ดูท่าฉันจะไม่ได้ทำงานสะกดรอยนานไปหน่อย " ปัง! แสงโผล่ออกมายิงใส่คนถือปืนลูกซอง เข้าไหล่ขวาที่เป็นไหล่ประคองปืน แล้วรีบหลบเข้าที่กำบังทันที ก่อนจะเอากระจกออกมาส่องดูอีกฝ่ายอีกครั้ง
" ฉันบอกไปแล้วไงว่ากำลังคิดว่าจะยิงใคร " แสงตะโกนเพื่อยั่วยุอีกฝ่าย
" ไม่เอานะ นายไม่รู้หรอกว่าคดีนี้ตำรวจเป็นพวกเดียวกับใคร " ชายหัวโล้นให้สัญญาณคนเข้าไปลากตัวคนถือลูกซองออกไปพัก
" พอดีฉันว่าฉันก็พอมีเส้นสายกับเรื่องพวกนี้อยู่บ้างนะ " แสงโผล่ออกมายิงใส่คนที่เป็นช่างกับคนใส่เสื้อดำอย่างละหนึ่งคน ช่างโดนยิงใส่ต้นขา ส่วนชายอีกคนโดนยิงเข้าที่ไหล่ซ้าย น่าเสียดายที่คนนั้นถนัดขวาและเขายังถือปืนได้อยู่ แสงได้แต่นับจำนวนกระสุนที่เหลืออยู่ในใจ เหลืออีก 4
" ไม่เอาน่า นายเอาหลักฐานมา แล้วฉันจะปล่อยนายไป " คนหัวโล้นพยายามหว่านล้อม
" ได้ๆ ของอยู่ในนี้ " แสงยื่นกระเป๋าออกมาจากที่กำบังเล็กน้อย
" นายต้องสั่งให้คนของนายวางอาวุธแล้วถอยไป " แสงพยายามยื่นข้อเสนอ
" แล้วฉันจะรู้ได้ยังไงว่าแก ไม่ได้เก็บหลักฐานไว้กับตัวอีก " ชายหัวโล้นยังไม่ประมาท
" แล้วฉันจะมันใจได้ไงว่า แกจะปล่อยฉัน " แสงตะโกนถามกลับไป แสงได้แต่คิดว่าเขาจะทำยังไงดีเขาจะเข้าไปหลบในป่าข้างทางนี้ดีไหม แล้วค่อยไล่เก็บทีละคน แต่เขาก็ส่ายหัวนี้มันไม่ใช่ในหนังที่พระเอกจะเก็บเรียบได้ตอนนี้อีกฝ่ายยังเหลือคนที่ขยับได้ อีก 7 คน
ชายหัวโล้นพยายามสั่งให้คนอื่นกระจายเข้าไปรอบจากฝั่งต้นไม้ที่อยู่ติดกับป่า ทันทีที่แสงเห็นมีความเคลื่อนไหว แสงก็ยิงดักไม่ให้มีใครเข้ามาในป่าได้ไปอีก 2 นัด แสงได้แต่สบถในใจ หรือว่าเขาไม่มีทางอื่นนอกจากต้องเข้าป่าไปเก็บทีละคน ทันใดนั้นรถเก๋งสีขาวขับเข้ามาก่อนจะดริฟรถทันหลังให้พวกแสง และ ชายหัวโล้น
" ลุงมาเร็ว " ทไวท์ตะโกนเรียก แสงรีบโดยกระเป๋าสะพายออกไปก่อนจะพุ่งตัวไปขึ้นรถของทไวท์ โดยมีทไวท์ยิงปืนลูกโม่คุ้มกันให้
" ไปๆ " แสงตะโกนอย่างเร่งรีบ ก่อนจะหันไปยิงปืนใส่พวกหัวโล้นด้วยกระสุน 2 นัดที่เหลือ ทไวท์เร่งเครื่องขับออกไปทันที
" ให้ตามไปไหมครับ " ช่างใส่หมวกถาม
" ไม่ต้องผ่านคนเจ็บไปรักษาก่อน " ชายหัวโล้นเดินไปค้นกระเป๋าสะพายของแสงก่อนจะหยิบเอากล้องออกมาแกะดูม้วนฟิล์มแล้วเอามาส่องกลับดวงอาทิตย์ ก่อนที่เขาจะสบถอยู่ในใจว่าแล้วเชียว หมอนี้มันแสบซะจริง
แสงได้แต่นอนพักสายตาอยู่บนรถก่อนที่ทไวท์จะเริ่มถาม " ไปรพ.ไหมลุง " แสงไม่พูดอะไรก่อนจะส่ายหน้าเขาหยิบเอาม้วนฟิล์มออกมาจากกระเป๋าเสื้อ " ฟากเอาให้ชาติจัดการให้ฉันที " แสงพูดอย่างไร้เรี่ยวแรง
" แล้วแกโทรมาหาฉันทำไมไอ้หนูต้องหนีตายเพราะแกแท้ๆ " แสงพูด
" ผมไม่โทรหาลุงนะ " ทไวท์ตอบ
แสงได้แต่สงสัยก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมาเปิดเครื่อง ก่อนจะเห็นว่าแสงและนํ้าโทรมาหาเขาหลายสายแถมเป็นน้องเขาเองที่เป็นคนทำเขาเกือบตาย เขากดดูข้อความก่อนจะถอนหายใจ และ กดส่งข้อความกลับให้น้องชายของเขา
" ดูเหมือนฉันจะยังไม่ได้พัก พาฉันไปส่งที่รร.ของเมฆที่ " แสงหลับตาเพื่อพักสายตาอีกครั้ง
“ ลุงถ้าจะแก่แล้วสินะ ” ทไวท์พูดอย่างผ่อนคลาย
“ หนวกหูนะ…ฉันยังแข็งแรงกว่าควายหนุ่มซะอีก หึ หึ ” แสงเริ่มผ่อนคลายด้วยเหมือนกัน
โรงเรียนของฝน เวลา 12.15 นาที
ฝนนั่งรอพ่อและแม่ของเธออยู่บริเวณศาลาใกล้ป้อมยามประตูทางออกของโรงเรียน เธอสับสนและกังวลนิดหน่อยหลังจากเธอได้รับโทรศัพท์จากแม่ของเธอว่าพวกเขาจะมารับตัวเธอและน้องของเธอกลับบ้าน เรื่องแบบนี้ไม่ค่อยเกิดขึ้นมาก่อน แถมนํ้าเสียงของแม่ก็ค่อนข้างจริงจัง แต่ตอนนี้เธอก็แอบโมโหเหมือนกันที่พ่อกับแม่ของเธอมาช้ากว่าที่บอกไว้ตอนคุยกัน
เอี๊ยดด เสียงเบรกรถดังขึ้นจอดวางหน้าประตูโรงเรียนทางออก ทันทีที่ฝนได้ยินเสียงเธอก็เดินมันดูเพื่อเป็นรถของพ่อกับแม่ของเธอก่อนจะต้องตกใจกับสภาพรถที่พังยับเยิน นํ้าแม่ของเธอลงจากรถมาหาฝน ฝนได้แต่ตกใจ " แม่เกิดอะไรขึ้นทำไมรถมันพังแบบนี้ " นํ้าใช้สองมือจับไหล่ของลูกสาวของตน " ตอนนี้แม่กับพ่อยังปลอดภัยดีลูกแต่ว่าเราต้องรีบกลับบ้านก่อนตอนนี้ " นํ้าเดินไปหายามที่ป้อมก่อนจะโชว์บัตรประจำตัวประชาชน และ บัตรข้าราชการ ให้ยามดูเพื่อเป็นการยืนยันตัวตนว่าเธอเป็นผู้ปกครองของเด็กผู้หญิงคนนี้จริงๆ ก่อนเธอจะรีบผ่านลูกสาวของเธอขึ้นรถเบาะหลังโดยที่เธอก็นั่งเบาะหลังด้วยเหมือนกัน
ทันทีที่ฝนขึ้นมานั่งบนรถเธอก็สังเกต ว่าสภาพรถแย่กว่าที่คิดทั้งกระจกที่แตก และ บางที่มีรูเล็กๆอยู่สองสามรู แถมพอมันสังเกตดีๆพ่อและแม่ของเธอก็มีรอยบาดแผลและทั้งคู่ดูเหนื่อยล้ามากเหมือนกัน เมื่อรถเริ่มออกตัวฝนก็รู้ทันทีว่าพวกเขากำลังกลับบ้านไม่ได้จะไปรับเมฆที่โรงเรียน
" พ่อเราไม่ได้จะไปรับเมฆก่อนหรอ " ฝนถามอย่างร้อนใจ
" เดี๋ยวอาแสง จะไปรับเมฆก่อนเขาส่งข้อความมาบอกพวกพ่อแล้ว " ตะวันพยายามพูดด้วยอารมณ์ที่สงบที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้ แม้ว่าเขาและภรรยาพึ่งผ่านเหตุการณ์เฉียดตายก่อนเมื่อ 10 นาทีที่แล้ว
" แล้วมันเกิดจะไรขึ้น ทำไมเราต้องกลับบ้านกันตอนนี้ " ฝนเริ่มถามด้วยความรู้สึกว่าตอนนี้มีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น
" พ่อขอโทษด้วยนะ แต่ตอนนี้เราต้องหนีไปซ่อนตัวสักพัก " ตะวันพูดเสียงเบา แต่ก็ดังพอเพียงที่ฝนจะได้ยิน
" ไม่เป็นไรลูกเราจะผ่านมันไปได้ เราจะกลับไปเก็บของที่จำเป็น แล้วถ้าอาแสงยังไม่มาเดียวเราไปรับเมฆเองดีไหม " นํ้าเอามือกลุ้มมือลูกสาวก่อนจะพยายามปลอบโยนต่อลูกสาวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนี้
ขับรถต่อมาอีกไม่นานตะวัน นํ้า และ ฝน พวกเขาทั้ง 3 คนก็กลับมาถึงบ้านของพวกเขา ทั้งสามแยกย้ายไปเก็บของของตัวเอง หลังจากเก็บของกันใกล้จะเสร็จตะวันก็ติดต่อไปหาชาติให้ช่วยเตรียมรถให้เขาด้วย เขาทองดูนาฬิกาอีกครั้ง เวลา 12.45 นาที ตะวันหยิบเทปที่ได้จากฮันมาแต่เขาไม่รู้ควรทำยังไงกับมันดี มันเป็นของที่พาอันตรายมาหาเขาแต่มันก็อาจกลายเป็นสิ่งมีช่วยชีวิตเขาได้ด้วย เขาส่ายหัวสะบัดความฟุ้งซ่านออกไปตอนนี้เขาต้องเอาครอบครัวของเขาไปอยู่ในที่ปลอดภัยก่อน ส่วนเรื่องของม้วนวิดีโอค่อยคิดหลังจากนั้น หลังจากนั้นไม่นานลูกสาวและภรรยาของเขาเก็บของกันครบหมดแล้วแน่นอนของส่วนตัวของเมฆพวกเขาก็เก็บใส่กระเป๋าด้วยเช่นกัน แม้แต่รูปภาพบนชั้นวางของบนทางเข้าก็เก็บเอาออกทั้งหมดเหลือแต่กรอบเปล่าไว้บนชั้นพวกเขารีบขนของขึ้นรถตอนนี้ท้ายรถหันเข้าทางบ้าน ของเขาส่วนหน้ารถหันไปทางประปูรั้วทางออกที่พร้อมจะขับออกไปได้เสมอแต่พวกเขาไม่ทนจะขนของเสร็จมีรถตู้ขับมาจอดปิดทางเข้าออกบ้านของตะวัน
ตะวันขนลุกจนถึงหนังหัวก่อนจะตะโกนให้ภรรยาพาลูกสาวเข้าไปหลบในบ้าน ปังปังปัง !! เสียงปืนรั่วใส่บ้านของตะวันโชคยังดีที่รถยังพอกันกระสุนให้พอที่นํ้าจะฝนเข้าไปหลบในตัวบ้านได้สำเร็จ ตะวันรีบหยิบเอาม้วนวิดีโอมาเสียบใส่กางเกงด้านหลังก่อนจะปิดประตูบ้านล็อคกุญแจแล้วเอาตู้ใส่ลองเท้ามาวางขวางประตูบ้านไว้ ก่อนจะโยนปืนลูกโม่กับมือถือให้ภรรยาโทรเรียกตำรวจแล้วพากันไปแอบบนชั้นสอง ส่วนตัวเขาหลบอยู่ในห้องครัวและส่องปืนเดสเสิร์ท อีเกิล สีดำไปหน้าทางเข้าประตูหน้า
นํ้าพาฝนขึ้นไปห้องของตัวเองก่อนจะล้มโต๊ะเอามาเป็นที่บังกระสุนและเอาชั้นใส่เสื้อผ้าเล็กๆไปวางขวางบานพับประตูเพื่อให้คนที่จะเข้ามาในห้องเจอประตูได้ไม่เต็มทีและปิดประตู ก่อนจะกดโทรหาตำรวจ
" ครับ สถานีตำรวจราชนครครับ ต้องการแจ้งเรื่องอะไรครับ "
" ฉันโทรจากบ้านเลขที่ 49/60 หมู่ 3 ถนน รัฐธรรม จะกลุ่มคนรัวยิงปืนใส่บ้านฉัน "
" ใจเย็นนะครับ คุณบอกจำนวนคนที่มาระดมยิงใส่บ้านคุณได้ไหม "
" ฉันไม่รู้ แล้วไอ้พวกเวรนั้นกำลังจะพังประตูเข้ามา ในบ้าน "
" เราจะติดต่อให้สายตรวจไปหาคุณทันที กรุณาซ่อนตัวเอาไว้นะครับ "
สิ้นบทสนทนา ดาบตำรวจกำลังจะกดโทรหาตำรวจสายตรวจ แต่ไม่ทันจะได้พูด ก็มีคนมากดมีวางสายของโทรศัพท์ตั้งโต๊ะมานายตำรวจคนนั้น ก่อนที่นายตำรวจคนนั้นจะหันมองพบกับ ผู้บงการ ก่อนที่ผู้บงคับการจะพูดว่า " ไม่ต้องรีบเดียวผมจัดการเรื่องนี้เอง "
ระหว่างนั้นมีคนใส่ชุดสีดำใส่หมวกโม่งสีดำทั้งศีรษะเหลือแต่บริเวณดวงตาลงจากรถตู้ ทั้งหมด 5 คน เดินเข้าไปติดระเบิดที่ประตู มีหนึ่งคนอ้อมไปทางหน้าต่างฝั่งซ้าย ส่วนที่เหลือจะบุกจากด้านหน้าโดนหนึ่งในนั้นมีโล่กันกระสุน เมื่อทุกคนพร้อมแล้วกลุ่มชายชุดดำกดระเบิดประตูทันที ก่อนคนที่เป็นโล่จะบุกเข้าไปก่อน ตะวันโผล่ออกมายิงใส่โล่ 3 นัดก่อนที่เขาจะเปลี่ยนไปยิงใส่เท้าคนถือโล่ 1 นัด จนล้มแล้วเขาก็ยิงใส่คนที่ตามเข้ามาอีก 2 นัด นัดแรกยิงใส่ขานัดที่สองยิงเข้าไหล่ขวาก่อนเขาจะยิงใส่หัวของคนที่ถือโล่เข้ามาในตอนแรก ก่อนเขาจะเปลี่ยนแม็กกระสุน ทันใดนั้นหน้าต่างจากห้องนั่งเล่นถูกพังเข้ามาและมีคนหนึ่งคนพุ่งตัวเข้ามาในบ้านก่อนวิ่งชาร์จใส่ตะวันจนตะวันหลังชนติดกับขอบโต๊ะและปืนหลุดจากมือของเขา ต่อด้วยการโดนจับคอแทงเข่าใส่ท้องจนล้มลงไปกับพื้น และโดนนั่งคร่อมตัวแล้วชกใส่หน้าเขาไม่ยั้ง
ระหว่างนั้นชายใส่โม่งที่เหลืออีก 2 คนขึ้นไปตรวจชั้น 2 ของบ้าน พวกเขาทั้ง 2 คนค่อยๆค้นไปที่ละห้องว่ามีคนแอบอยู่ไหม ห้องแรกพวกเขาเปิดไปไม่มีอะไร พวกเขาเดินไปห้องฝั่งตรงข้ามก่อนจะถีบประตูเข้าไปและไม่พบกับอะไร พวกเขาเดินไปห้องที่ 3 ตอนนี้เหลือห้องนี้เป็นห้องสุดท้ายแล้ว คนแรกฝั่งประตูเข้าไปแต่ประตูติดเขาเปิดได้แค่ประมาณ 30 องศา ก่อนที่เขาจะถูกยิงใส่อก ปังปังปัง !! เพื่อนของเขาเข้ามาล็อคคอเขาทันทีแต่ไม่ได้ล็อคคอเพื่อลากตัวออกมา แต่เขาล็อคคอเพื่อใช่ร่างของคนที่ถูกยิงก่อนหน้านี้รับกระสุนทั้งหมด ก่อนจะยิงใส่ปืนและไหล่ขวาข้างที่ถือปืนของนํ้า ก่อนที่เขาจะจะปล่อยให้เพื่อนร่วมงานของเขาที่ถูกล็อคคอไว้ล้มลง
ตะวันได้ยินเสียงปืนจากชั้นสอง เขารีบใช้มือคว้าหาของก่อนจะหยิบได้กระทะแล้วฟาดไปหัวคนที่กำลังนั่งชกเขาอยู่ ตะวันส่ายหัวสะบัดความมึนก่อนใช้กระทะฟาดใส่อีกครั้งขณะที่เขายังนั่งอยู่จนกระทะหลุดมือ ทั้งคู่ค่อยลุกขึ้นยืนก่อนที่ตะวันจะหยิบมีดทำครัวมาเล่มนึง อีกฝ่ายก็หยิบเอามีดออกมาเหมือนกัน ก่อนที่ทั้งคู่จะพุ่งใส่กันตะวันแทงออกไปก่อนใส่ท้องอีกฝ่ายหลบไปทางซ้ายก่อนจะแทงสวนมา ตะวันไม่หลบเขากับเอามือซ้ายรับมีดที่แทงมาก่อนที่เขาจะแทงเข้าอกอีกฝั่งตายคาที เขาดึงมีดออกจากมือซ้ายก่อนจะไปหยิบปืนเดสเสิร์ท อีเกิล ใส่กระสุน
" วางปืนลง " เสียงดังขึ้นจากชั้น 2 ก่อนที่ตะวันจะเห็น ลูกสาวและภรรยาของเขาถูกมัด แล้วมีมือกระบอกมือ จ่ออยู่ที่ภรรยาของเขา ตะวันค่อยๆเอามือที่ยังเจ็บอยู่ค่อยเอาม้วนวิดีโอออกมาจากหลังของเขา
" พวกแกต้องการสิ่งนี้ ปล่อยลูกเมียฉันไป " ตะวันพยายามเจรจา
" นายไม่ได้อยู่ในสถานการณ์ที่เจรจาได้ วางปืน " ชายใส่โม่งตะโนอีกครั้ง
ตะวันค่อยๆวางปืนลง
" แตะมันออกห่างจากตัว โยนม้วนวิดีโอไปด้วย " ชายใส่โม่งสั่งอีกครั้ง ก่อนที่ตะวันจะทำตามอย่างจนใจ
" ปล่อยตัวลูกกับเมียฉันมาได้แล้ว " ตะวันตะโกนขึ้นอีกครั้ง ก่อนที่คนชายใส่โหม่งจะให้สัญญาณให้นํ้าและฝนค่อยๆเดินลงมาจากบันไดทันทีที่นำและฝนเดินมาถึงตรงหน้าของตะวัน ปังปัง กระสุนทะลุร่างของฝนและนํ้าทั้งคู่ค่อยๆทรุดตัวลงตะวันรีบเข้าไปประครองร่างทั้งคู่ก่อนที เขาจะถูกกระสุนยิงเข้าหัว ร่างของนำและฝนล้มทับร่างของตะวันที่ไร้วิญญาณ นํ้าพูดอย่างแพรวเบา" ขอโทษนะคะคุณ แม่ขอโทษฝนด้วยนะ " ฝนก็พูดด้วยลมหายใจที่รวยริน " แม่...หนูกลัวจังเลย " " ไม่เป็นไรเป็นลูก...เราจะไม่เป็นไร " ทั้งคู่หมดลมหายใจในอ้อมแขนของตะวัน ก่อนที่ไฟจะลุกทั่วไปทั้งบ้านและชายที่สวมโม่งก็หายตัวไป
ตำรวจมาล้อมบ้านของตะวัน พร้อมกับรถดับเพลิงที่พยายามควบคุมไฟ แต่สิ่งที่แย่กว่านั้นคือ แสง ทไวท์ และ เมฆ ที่ถึงมาถึง ได้แต่มองภาพเปลวเพลิงที่กำลังท่วมบ้านทั้งหลัง
โรงแรมเอเดน
" หัวหน้าหยาง ผมพาคุณหลี่มาแล้วครับ " พนักงานช่างไฟฟ้าเดินเขามาพร้อมกับ พาผู้หญิงวัยกลางคนคนหนึ่งเข้ามา
" เป็นไงบ้างครับคุณหลี่ ผมรู้ว่าตอนนี้ครอบครัวคุณกำลังลำบากเพราะต้องเสียหัวหน้าครอบครัวจากอุบัติเหตุรถยนต์ " ฮันพูดขึ้น
" เราลำบากกันจริงๆค่ะ ถึงตอนนี้อีกฝ่ายจะเสนอค่าชดเชยมาแล้ว แต่ฉันไม่แน่ใจว่าฉันจะรับมันดีไหม " คุณหลี่ตอบ
" คุณอยากท้วงความเป็นธรรมให้สามีคุณหรอ " ฮันถาม
" ไม่รู้สิคะ ว่าตามตรงไม่ใช่ไม่อยากแต่ เจ้าหนี้พนันที่สามีฉันไปติดเอาไว้ก็ตามมาทวงตลอด "
คุณหลี่ตอบด้วยความเหนื่อยล้า
" คุณควรจะรับเงินนั้น " ฮันตอบ
" แต่ว่า.. "
" คนที่ตายไปแล้วก็ตายไป คนที่ต้องมีชีวิตอยู่ก็ต้องอยู่ต่อ นี้เป็นเงินประกันชีวิตที่สามีคุณทำกับผม เอาเงินนี้ไม่ใช่หนี้ซะ แล้วเอาเงินชดเชยนั้นไปเริ่มชีวิตใหม่ " ฮันพูดพร้อมยืนซองเอกสารสีนํ้าตาลให้คุณลี่
" ขะ..ขอบคุณคะ " คุณหลี่รับเงินพร้อมกับร้องไห้ก่อนจะเดินออกไป
" ให้เธอสู้คดีต่อไม่เป็นผลดีกับเรากว่าหรอครับ " พนักงานช่างไฟฟ้าถาม
" ไม่จำเป็นถาม เธอยังสืบคดีต่อไปอาจรู้ว่าฉันเป็นคนวางแผนให้สามีเธอฆ่าตัวตายก็ได้ "
" แต่หัวหน้าทำแบบนั้นเพราะ ช่วยเขาจากหนี้พนันไม่ใช่หรอกครับ "
" หลิว นายก็รู้ว่าที่เขาติดพนันก็เป็นแผนของเรา ถึงส่วนใหญ่มันจะทำตัวเองก็เถอะ "
" แล้วเราจะทำอะไรต่อดีครับ "
" รอดูไปก่อนเราพึ่งโยนความผิดเรื่องข้อมูลกล้องหลุดไปหาตำรวจ ให้เจ้าหัวหน้าผู้จัดการคนนั้น แถมฉันยังได้ตำแหน่งมันมาแทนแล้วด้วยรอให้เรื่องเงียบลงซักหน่อยแล้วค่อยลงมือทำแผนต่อไป "
" ครับผมให้ผมไปทำงานในตำแหน่งช่างไฟเหมือนเดิมไหมครับ "
" ไม่ต้องนายไปทำงานแทนตำแหน่งเดิมฉันซะ แล้วหาคนมาแทนตำแหน่งนายด้วยละ "
" รับทราบครับ " หลิวรับคำสั่งก่อนเดินออกจากห้องไป
ผลงานอื่นๆ ของ K.Tonsai ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ K.Tonsai
ความคิดเห็น